Category Archives: นิทานสำนวนสุภาษิตจีน : 成语故事

สำนวนจีน [熟语, 成语] ตอนที่2 [K-Z]

สำนวนจีน

สำนวนตอนที่1 A-J | ตอนที่2 K-Z

สำนวนจีนหมวด

K | L | M | N | O | P | Q | R | S | T | W | X | Y | Z |

สำนวนจีน หมวด K

  • 开诚布公 [kāichéng bùgōng] จริงใจเปิดเผย /ตรงไปตรงมา
  • 开门见山 [kāimén jiànshān] พูดตรงประเด็น
  • 开门揖盗 [kāimén yīdào] ชักศึกเข้าบ้าน
  • 开天辟地 [kāitiān pìdì]  เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (比喻有史以来第一次)
  • 侃侃而谈 [kǎnkǎn értán] พูดจาอย่างฉะฉาน
  • 看风使舵 [kànfēng shǐduò] แล่นเรือไปตามลม ,ปรับตัวไปตามสถานการณ์
  • 刻不容缓 [kèbù rónghuǎn] เร่งด่วนมาก
  • 刻骨铭心 [kègǔ míngxīn] สลักลึกในใจไม่มีวันลืมเลือน (形容感受极深,永远难忘)
  • 克己奉公 [kèjǐ fènggōng] อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
  • 空口无凭 [kōngkǒu wúpíng] พูดโดยปราศจากหลักฐาน (只是嘴上说,没有凭据)
  • 空穴来风 [kōngxué láifēng] คำล่ำลือโดยไม่มีหลักฐาน (现多用来指传言没有根据)
  • 空中楼阁 [kōng hōng lóugé] สร้างวิมานบนอากาศ
  • 口口相传 [kǒukǒu xiāngchuán] ลือกันปากต่อปาก
  • 口蜜腹剑 [kǒumì fùjiàn] ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ, ปากหวานก้นเปรี้ยว
  • 口若悬河 [kǒuruò xuánhé] คารมคมคาย
  • 口是心非 [kǒushìxīnfēi] ปากไม่ตรงกับใจ
  • 苦尽甘来 [kǔjìn gānlái] ต้นร้ายปลายดี
  • 哭笑不得 [kūxiào bùdé] กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
  • 旷日持久 [kuàngrì chíjiǔ]  ยืดเวลาออกไป

สำนวนจีน หมวด L

  • 拉弓惊鸟 [lāgōng jīngniǎo] เขียนเสือให้วัวกลัว
  • 来者不拒 [láizhě bújù] อ้อยเข้าปากช้าง
  • 老牛吃嫩草 [lǎoniú chīnèncǎo] วัวแก่กินหญ้าอ่อน
  • 老老实实 [lǎolǎo shishi] ตรงไปตรงมาอย่างเปิดเผย
  • 老马识途 [lǎomǎshítú] ม้าแก่รู้จักทางเป็นอย่างดี (คนที่มีประสบการณ์)
  • 乐不思蜀 [lèbù sīshǔ] สุขสบายกับที่ใหม่จนไม่อยากกลับไปที่เก่า
  • 乐极生悲 [lèjí shēngbēi] รักสนุก ทุกข์ถนัด
  • 冷酷无情 [lěngkù wúqíng] เย็นชาไร้น้ำใจ
  • 冷言冷语 [lěngyán lěngyǔ] คำพูดที่เย็นชา
  • 赖蛤蟆想吃天鹅肉 [làiháma xiǎngchītiān’éròu] กระตายหมายจันทร์ (蛤蟆 [háma] คางคก)
  • 力所不及 [lìsuǒ bùjí] เหลือบ่ากว่าแรง
  • 良药苦口 [liángyàokǔkǒu] หวานเป็นลม ขมเป็นยา
  • 两面派 [liǎngmiànpài] นกสองหัว
  • 两头落空 [liǎngtóuluòkōng] จับปลาสองมือ
  • 两虎相斗 [liǎnghǔ xiāngdòu] เสือพบสิงห์
  • 量力而为 [liànglìérwéi] นกน้อยทำรังแต่พอตัว
  • 量力而行 [liànglì’érxíng] นกน้อยทำรังแต่พอตัว
  • 留 得青山在,不怕没柴烧 [liúdéqīngshānzài,búpàméicháishāo] ตราบใดมีชีวิต ย่อมต้องมีความหวัง/ตราบใดที่ขุนเขาเขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟืนเผา
  • 流连忘返 [liúliánwàngfǎn] เดินดูเพลินจนลืมกลับบ้าน
  • 路遥知马力,日久见人心 [lùyáozhīmǎlì,rìjiǔjiànrénxīn] ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน (ทางไกลทำให้รู้กำลังม้า กาลเวลาทำให้รู้ใจคน)
  • 落井下石 [luòjǐng xiàshí] ผีซ้ำด้ำพลอย(ซวยซ้ำซวยซ้อน), to hit a person when he’s down

สำนวนจีน หมวด M

  • 买椟还珠 [mǎidú huánzhū] พิมเสนแลกเกลือ (比喻没有眼光, 取舍不当)
  • 盲目仿效 [mángmù fǎngxiào] เห็นช้างขี้ก็ขี้ตามช้าง
  • 盲人摸象 [mángrén mōxiàng] ตาบอดคลำช้าง
  • 没谱儿 [méipǔr] ไม่แน่ใจ
  • 门庭若市 [méntíng ruòshì] หัวกระไดไม่แห้ง
  • 闷闷不乐 [mènmènbúlè] ดูไม่มีความสุข
  • 秘而不宣 [mì’ér bùxuān] เก็บไว้เป็นความลับ
  • 面恶心善 [miàněxīnshàn] เงาะถอดรูป Continue reading

สำนวนจีน [熟语, 成语] ตอนที่1 [A-J]

สำนวนจีน

ในการเรียนรู้ภาษาจีน สำนวนจีนนั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวดที่ไม่อาจข้ามไปได้ ยิ่งเรารู้จักสำนวนจีนมากเท่าไหร่ ภาษาจีนเราก็มีอรรถรสมากขึ้นเท่านั้น และหัวข้อสำนวนจีนนี้คงไม่จบลงง่ายๆอย่างแน่นอน โปรดติดตาม…

สำนวนจีนหมวด A-J | K-Z

สารบัญ : สำนวนจีนหมวด

A | B | C | D | E | F | G | H | J

สำนวนจีน หมวด A

  • 爱不释手 [ài bú shì shŏu] รักและชอบมากจนไม่อยากให้หลุดมือไป
  • 爱财如命 [àicái rú mìng] รักเงินดั่งชีวิต
  • 爱莫能助 [àimò néng zhù] อยากจะช่วยแต่ช่วยไม่ได้
  • 爱屋及乌 [àiwū jīwū] เมื่อรักใครก็ต้องรักสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเขาด้วย
  • 爱憎分明 [àizēng fēnmíng] แยกแยะความรักความเกลียดได้ชัดเจน
  • 安分守己 [ān fèn shŏu jĭ] ประพฤติตัวให้เหมาะสม และระมัดระวังตัวไม่ทำสิ่งที่ผิด
  • 安家落户 [ān jiā luò hù] ลงหลักปักฐาน
  • 安居乐业 [ān jū lè yè] ทำงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
  • 安贫乐道 [ān pín lè dào]  ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและสนุกกับการใช้ชีวิตตามหลักการ
  • 安然无恙 [ān rán wú yàng ปลอดภัยหายห่วง
  • 按兵不动 [àn bīng bú dòng] หยุดทัพไม่เคลื่อนไหว ปัจจุบันยังเป็นคำอุปมาว่า รับงานแต่ไม่ดำเนินการ
  • 暗中监视 [ànzhōng jiānshì] สอดแนม
  • 暗箭伤人 [àn jiàn shāng rén] ยิงศรลับหลังทำร้ายคน คำอุปมาสำหรับการกระทำหรือกลอุบายที่ทำร้ายอย่างลับๆ
  • 暗送秋波 [àn song qiū bō] เล่นหูเล่นตา
  • 昂首阔步 [ángshǒu kuòbù] เชิดหน้าขึ้นและก้าวไปข้างหน้า

สำนวนจีน หมวด B

  • 八九不离十 [bājiǔ bùlíshí] ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง(มีความเป็นไปได้สูง มั่นใจมาก) สำนวนที่คล้ายกัน 十有九八 ถึงไม่สิบก็มีแปดมีเก้า
  • 八拜之交 [bābài zhījiāo]  พี่น้องร่วมสาบาน
  • 八面玲珑 [bāmiàn línglóng] ทำอะไรก็ราบรื่นไม่มีผิด
  • 八仙过海 [bāxiān guòhǎ]  แปดเซียนข้ามทะเล อุปมาว่า แต่ละคนต่างมีความสามารถของตนเอง
  • 跋山涉水 [báshān shèshuǐ] บุกป่าฝ่าดง/ข้ามน้ำข้ามเขา
  • 拔苗助长 [bámiáo zhùzhǎng]  ดึงต้นกล้าให้โต ใช้เปรียบเทียบกับการพยายามฝืนกฏเกณฑ์ธรรมชาติ หรือการรีบร้อนเร่งให้งานใดๆสำเร็จโดยใช้วิธีที่ผิดจนก่อให้เกิดผลเสียหายตามมา
  • 跋前疐后 [báqián zhìhòu] อยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
  • 把酒言欢 [bǎ​jiǔ​ yán​huān​] ดื่มและพูดคุยอย่างสนุกสนาน
  • 白日做梦 [báirì zuòmèng] ฝันกลางวัน
  • 白手起家 [báishǒu qǐjiā] สร้างตัวจากสองมือเปล่า (形容在没有基础和条件很差的情况下自力更生,艰苦创业)
  • 白璧微瑕 [báibì wēixiá]  บุคคลที่มีความดีพร้อม แต่มีจุดด่างพร้อยเพียงนิดเดียว
  • 百步穿杨 [bǎibù chuānyáng]  มีทักษะการยิงที่ยอดเยี่ยม
  • 百发百中 [bǎifā bǎizhòng] ยิงร้อยครั้งถูกร้อยครา เปรียบถึงมีความมั่นใจในการทำงาน/ทำอะไรก็ไม่พลาดเป้า
  • 百尺竿头,更进一步 [bǎichǐ gāntóu, gèngjìn yíbù] แม้จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังต้องมุมานะบากบั่นต่อไป
  • 百川归海 [bǎichuān guīhǎi] สายน้ำทุกสายมุ่งสู่ทะเล เปรียบถึงสิ่งที่ที่แตกแยกกันกลับมารวมตัวกันในที่เดียวกัน
  • 百废俱兴 [bǎifèi jùxīng] ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่
  • 百感交集 [bǎigǎn jiāojí] ความรู้สึกประเดประดังเข้ามาพร้อมกันหมด
  • 百炼成钢 [bǎiliàn chénggāng] ประสบการณ์ทำให้แข็งแกร่ง
  • 百年不遇 [bǎinián bùyù] มีโอกาสพบเห็นได้ยากมาก
  • 百善孝为先 [bǎishàn xiào wèixiān] กตัญญูรู้คุณ คือคุณธรรมอันดับแรก (孝 หมายถึงกตัญญู เป็นอักษรภาพสัญลักษณ์ บุตรแบกบิดามารดา อักษรจีนตัวบน 孝 คืออักษร 老 ที่หมายถึงแก่ชรา ตัวล่างคือ 子 ที่หมายถึง บุตร)
  • 百思不解 [bǎisī bùjiě] คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
  • 百事通     [bǎishìtōng] รอบรู้ไปทุกเรื่อง
  • 百闻不如一见 [bǎiwén bùrúyījiàn] สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
  • 百问不厌  [bǎiwèn búyàn] ไม่เบื่อหน่ายต่อคำถาม เปรียบถึงยินดีให้ความช่วยเหลือ
  • 百无聊赖  [bǎiwú liáolài] หมดอาลัยตายอยาก
  • 百无禁忌 [bǎiwú jìnjì]  ไม่มีข้อห้าม
  • 百无一失 [bǎiwú yìshī] ไม่มีพลาดเลย
  • 百依百顺 [bǎiyī bǎishùn] ยอมเชื่อฟังคล้อยตามทุกอย่าง (什么都依从。形容一切都顺从别人)
  • 百战百胜 [bǎizhàn bǎishèng] รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
  • 百折不挠 [bǎizhé bùnáo] ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทุกอย่าง
  • 摆架子 [bǎijiàzi] ขี้เก๊ก/เต๊ะจุ๊ย
  • 摆阔气 [ bǎikuòqì ] อวดร่ำอวดรวย
  • 摆威风 [bǎiwēifēng] เบ่งอำนาจ
  • 拜把子 [bàibǎzi] สาบานเป็นพี่น้อง
  • 败兴而归 [bàixìng’érguī] กลับมาด้วยความผิดหวัง/ อารมณ์เสียกลับมา
  • 班门弄斧 [bānmén nòngfǔ] สอนจระเข้ว่ายน้ำ (แสดงฝีมือต่อหน้าผู้ำชำนาญ)
  • 搬弄是非 [bānnòng shìfēi] ยุให้รำ ตำให้รั่ว
  • 半信半疑 [bànxìn bànyí] ฟังหูไว้หู, เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
  • 半途而废 [bàntú’érfèi] ล้มเลิกแต่กลางคัน
  • 半夜三更 [bànyèsāngēng] ดึกดื่นเที่ยงคืน
  • 扮鬼脸 [bànguǐliǎn] ทำหน้าผี/ทำหน้าทะเล้น
  • 帮倒忙  [bāngdàománg] ยิ่งช่วยยิ่งยุ่ง
  • 包罗万象 [bāoluó wànxiàng] ครอบจักรวาล, ครอบคลุมทุกอย่าง
  • 饱经风霜 [bǎojīng fēngshuāng] เผชิญความลำบากมามากมาย
  • 保护伞 [bǎohùsǎn]  เกราะป้องกัน
  • 饱食终日 [bǎoshí zhōngrì] วันๆเอาแต่กิน ไม่ใช้สมองทำอะไร
  • 抱残守缺 [bàocán shǒuquē] ล้าหลังไม่พัฒนา, อนุรักษ์นิยม
  • 暴发户 [bàofāhù] บุคคลหรือครอบครัวที่รวยชั่วข้ามคืน
  • 抱薪救火 [bàoxīn jiùhuǒ]  หอบเอาฟืนไปดับไฟ อุปมาว่า ไม่ได้ใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องผลสุดท้ายไฟยิ่งโหมลุกลาม
  • 抱头鼠窜 [bàotóu shǔcuàn] หนีหัวซุกหัวซุน
  • 卑鄙无耻 [bēibǐ wúchǐ] ต่ำช้าไร้ยางอาย
  • 暴殄天物 [bàotiǎn tiānwù] ทำลายสิ่งของตามอำเภอใจ
  • 暴跳如雷 [bàotiào rúléi] โกรธกระฟัดกระเฟียด
  • 背黑锅 [bēihēiɡuō] แพะรับบาป
  • 杯弓蛇影 [bēigōng shéyǐng] กระต่ายตื่นตูม,  เกิดอุปาทานไปเอง
  • 背后捅刀子 [bèihòu tǒngdāozi] แทงข้างหลัง
  • 悲观厌世  [bēiguān yànshì]   หมดอาลัยตายอยาก
  • 悲欢离合 [bēihuān líhé] คนเรามีทุกข์ มีสุขมีอยู่ร่วม และพลัดพราก
  • 悲痛欲绝 [bēitòng yùjué]  ปวดร้าวปานจะขาดใจ/ใจปวดร้าวแทบแตกสลาย
  • 悲喜交集 [bēixǐ jiāojí]  มีทั้งสุขทุกข์คละเคล้ากัน
  • 杯水车薪 [bēishuǐ chēxīn] น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ
  • 卑躬屈节 [bēigōng qūjié]  อ่อนน้อมจนไร้ศักดิ์ศรี
  • 悲欢离合 [bēihuān líhé] ทุกข์สุขของการพานพบและพลัดพราก
  • 背道而驰 [bèidào érchí] การกระทำที่ตรงกันข้ามกับเป้าหมายที่จะบรรลุ, ยิ่งทำยิ่งห่างไกลจากเป้าหมาย
  • 背井离乡 [bèijǐng líxiāng] จากบ้านไกลเมือง  (离开家乡到外地)
  • 背水一战 [bèishuǐ yīzhàn] หมดทางถอยต้องสู้ตายเท่านั้น (比喻没有退路,只能拼死决战)
  • 笨鸟先飞 [bènniǎo xiānfēi] นกโง่ก็จะบินก่อน เป็นคำที่ใช้อุปมาว่า คนที่มีความสารถที่ด้อยกว่าจะลงมือทำอะไรก่อนเพราะกลัวจะล้าหลัง
  • 被连累受罪 [bèiliánlèi shòuzuì] ตกกระไดพลอยโจน
  • 奔走相告 [bēnzǒu xiānggào] เวลามีข่าวสำคัญคนจะวิ่งไปบอกกันและกัน
  • 本末倒置 [běnmò dàozhì] วางลำดับความสำคัญสลับกัน
  • 逼上梁山 [bīshàng liángshān] ถูกบีบคั้นให้ทำ
  • 比比皆是 [bǐbǐ jiēshì] มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
  • 比上不足,比下有余 [bǐshàngbùzú,bǐxiàyǒuyú] เทียบบนไม่เท่า เทียบล่างมีเหลือ
  • 比中而行, 结交益友 [bǐzhōngérxíng , jiéjiāoyìyǒu] เดินตามทางสายกลาง เลือกคบเพื่อนที่ดี
  • 比翼双飞 [bǐyì shuāngfēi] คู่สามีภรรยาที่เดินเคียงข้างกันไม่แยกจากกัน
  • 闭关自守 [bìguān zìshǒu] ปิดด่าน, ไม่ติดต่อกับบุคคลภายนอก
  • 闭门思过 [bìmén sīguò] คิดถึงความผิดผลาดที่เคยกระทำตามลำพัง
  • 闭门造车 [bìmén zàochē] ทำงานโดยไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริง
  • 必恭必敬 [bìgōng bìjìng]  เคารพนับถือ
  • 闭关锁国 [bìguān suǒguó] ปิดประเทศไม่คบค้าสมาคมกับชาติอื่น
  • 闭目塞听 [bìmù sètīng] ปิดหูปิดตา
  • 避重就轻 [bìzhòng jiùqīng] เลี่ยงงานหนักไปทำงานเบา ๆ
  • 必由之路 [bìyóu zhīlù] เส้นทางที่จะต้องผ่าน / ต้องปฏิบัติตามกฎกติกา
  • 敝帚自珍 [bìzhǒu zìzhēn] คนที่มองโลกในแง่ดี
  • 鞭长莫及 [biāncháng mòjí] เกินอำนาจของตนเอง
  • 表里如一 [biǎolǐ rúyī]  มีความคิดและการกระทำที่ตรงกัน
  • 标新立异 [biāoxīn lìyì] มีความคิดที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
  • 别来无恙 [bié​lái ​wú​yàng​]   คำทักทายหลังจากกันแล้วพบกันอีกครั้ง หมายความถึง ไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นนับตั้งแต่จากกัน (作别后通信或重逢时的问候语,意思是自从离别以来没有任何坏的事情发生。)
  • 别有风味 [biéyǒu fēngwèi] มีรสชาติหรือมีเอกลักษณ์พิเศษไม่เหมือนใคร
  • 别时容易见时难 [biéshíróngyì jiànshínán] จากกันนั้นง่ายพบกันอีกครั้งนั้นยาก
  • 彬彬有礼 [bīnbīnyǒulǐ] มีมารยาทสุภาพเรียบร้อย
  • 冰山雪地 [bīngshān xuědì] สภาพทิวทัศน์ที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ
  • 冰雪聪明 [bīngxuěcōngmíng] ฉลาดเป็นพิเศษ (比喻人聪明非凡)
  • 兵不厌诈 [bīngbú yànzhà]  การทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย
  • 兵来将挡,水来土掩 [bīngláijiāngdǎng, shuǐláitǔyǎn] ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน เปรียบถึงไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้
  • 兵临城下 [bīnglínchéngxià] ทหารประชิดเมือง เปรียบถึงสถานการณ์คับขัน
  • 病从口入,祸从口出 [bìngcóngkǒurù,huòcóngkǒuchū] เชื้อโรคเข้าทางปาก เคราห์ร้ายเพราะปากไม่ดี
  • 病入膏肓 [bìngrù gāohuāng] หมดทางเยียวยารักษา
  • 博闻强识 [bówén qiángzhì]  มีความรู้ความจำดีมาก Continue reading

นิทานสุภาษิต : ดึงต้นกล้าให้โต [拔苗助长]

สุภาษิตจึน

拔苗助长 [bámiáozhùzhǎng] ดึงต้นกล้าให้โต

拔 [bá] ดึง
苗 [miáo] หน่อ ต้นกล้า
助 [zhù] ช่วย
长 [zhǎng] เติบโต

กาลครั้งหนึ่ง(古时候) เมื่อย่างเข้าฤดูหว่านไถ มีชาวนารัฐซ่ง (宋国) ผู้หนึ่งที่มีนิสัยใจร้อน ภายหลังหว่านกล้าลงนาเรียบร้อย เขาก็เฝ้ารอคอยโดยหวังว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็วๆ

ดังนั้น ทุกๆวันเขาจะไปนั่งที่ทุ่งนา และเฝ้าคิดว่าเหตุใด ต้นกล้า(禾苗) เหล่านี้จึงเติบโต(长得) ช้าเหลือเกิน(太慢) จนอดรนทนไม่ไหว(心里很着急) เขาจึงพยายามขบคิดหาวิธีการที่จะทำให้ต้นกล้าโตเร็วกว่าเดิม

สุดท้ายจึงคิด “วิธีที่ดีที่สุด” ออกมาได้ นั่นคือ ใช้มือดึงให้ต้นกล้าโผล่พ้นดินขึ้นมามากขึ้น(动手把禾苗一株株地往上拔高一节) ซึ่งเมื่อมองดูจะคล้ายต้นกล้าเติบโตและสูงขึ้นกว่าที่เป็น

หลังจากปฏิบัติการตามวิธีที่คิดได้มาทั้งวันจนเสร็จสิ้น เขาพอใจผลงานของตนเองเป็นอันมาก จึงเดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้าน และเมื่อถึงบ้าน(回到家里) เขาจึงเล่าให้คนในครอบครัวฟังว่า(对家里的人说) “วันนี้ข้าทำงานเหนื่อยเหลือเกิน(今天可把我累坏了) แต่ก็คุ้มค่าเพราะช่วยทำให้ต้นข้าวโตเร็วขึ้นมาอีกหลายข้อเลย” (我一下子让禾苗长高了许多)

เมื่อบุตรชายของเขาได้ฟัง(他的儿子听了) ก็รีบวิ่งไปที่ทุ่งนา(连忙跑到田里去看) เพื่อดูผลงานของผู้เป็นบิดา แต่ทว่า…สิ่งที่พบคือ ต้นกล้านั้นได้เหี่ยวเฉาตายเต็มท้องทุ่งนา(田里的禾苗全部枯萎了)

ภายหลัง “拔苗助长 [bámiáozhùzhǎng] ดึงต้นกล้าให้โต” ใช้เปรียบเทียบกับการพยายามฝืนกฏเกณฑ์(违背规律) ธรรมชาติ(事物都有自己的规律) หรือการรีบร้อนเร่งให้งานใดๆสำเร็จโดยใช้วิธีที่ผิด(蛮干) จนก่อให้เกิดผลเสียหายตามมา(就必然受到惩罚)

枯萎 [kūwěi] เหี่ยวเฉา แห้งเหี่ยว
寓意 [yùyì]  เรื่องสอนใจ
惩罚 [chéngfá] ลงโทษ
蛮干 [mángàn] การกระทำที่มุทะลุ Continue reading

สุภาษิตจีน : วาดรูปแป้งทอดแก้ความหิวโหย [画饼充饥]

สุภาษิตจึน

画饼充饥 [huàbǐngchōngjī] : วาดรูปแป้งทอดแก้ความหิวโหย

画 [huà] วาดภาพ
饼 [bǐng] แป้งทอด
充 [chōng] เติมเต็ม
饥 [jī] หิวโหย

“ฮว่าปิ่งชงจี” คำแปล วาดรูปแป้งทอดแก้ความหิวโหย

ในสมัยสามก๊ก มีชายผู้หนึ่งนามว่า หลูอี้ว์(卢毓 [lúyù]) ซึ่งรับราชการอยู่ในรัฐเว่ย และเนื่องจากเขาได้คอยเสนอแนวคิดในการปกครองที่เป็นประโยชน์ต่ออ๋องเว่ยเหวิ นตี้มากมาย ดังนั้นท่านอ๋องจึงให้ความสำคัญกับเขาอย่างยิ่ง และแต่งตั้งเขาเป็นอัครเสนาบดี

ครั้งหนึ่ง อ๋องเว่ยเหวินตี้กล่าวกับหลูอี้ว์ว่า “รัฐของเราจะมีผู้มีความสามารถมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการคัดเลือกของท่าน จงอย่าเลือกใช้คนที่ชื่อเสียง เพราะผู้ที่มีชื่อเสียงก็เปรียบเสมือนการวาดรูปแป้งทอดลงบนพื้นดิน ได้แต่มองดูไม่สามารถกิน ”

หลูอี้ว์ ตอบว่า “อาศัยเพียงชื่อเสียงไม่สามารถวัดความสามารถของผู้ใดก็จริงแต่ก็สามารถทำให้ ค้นพบผู้ที่มีความสามารถ เพราะคนเราเมื่อมีความสามารถ พฤติกรรมดีก็เป็นธรรมดาที่ย่อมมีชื่อเสียง ซึ่งเราไม่ควรมองข้ามพวกเขาไป ดังนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าสิ่งสำคัญคือต้องทดสอบพวกเขา ว่าพวกเขามีความสามารถจริงหรือไม่ ทว่าตอนนี้ไม่มีระบบการสอบเพื่อคัดเลือกคนมีความสามารถ แต่อาศัยเพียงชื่อเสียงของผู้นั้นในการมอบตำแหน่งให้พวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ” 

อ๋องเว่ยเหวินตี้เห็นด้วยกับความเห็นของ หลูอี้ว์ และกำหนดให้มีการใช้ระบบการสอบเพื่อเข้ารับราชการ

ปัจจุบัน “画饼充饥 [huàbǐngchōngjī]” ใช้เพื่อเปรียบเทียบกับการวาดมโนภาพขึ้นในใจเพื่อปลอบโยนตนเอง

สุภาษิตจีน : ยิงร้อยครั้งถูกร้อยครา [百发百中]

สุภาษิตจึน

养由基,是春秋时楚国的名将,也是我国古代著名的射箭能手。《左传》和《史记》都载有他的一些故事。例如:
有一次,晋厉公攻伐郑国。楚共王出兵援郑,和晋军相遇于鄢陵(即所谓的“鄢陵之战”。鄢陵,今属河南省)。战斗中,晋将魏錡射伤了楚共王的眼睛。楚共王恨之入骨,就约养由基两枝箭,要他代为报仇。结果,养由基只用了一枝箭就把魏錡射死,而把另一支箭还给楚共王复命。 Continue reading

สุภาษิตจีน : สีซอให้ควายฟัง [对牛弹琴]

สุภาษิตจึน

战国时代,有一个叫公明仪的音乐家,他能作曲也能演奏,七弦琴弹得非常好,弹的曲子优美动听,很多人都喜欢听他弹琴,人们很敬重他。

ใน สมัยโบราณ มีนักดนตรีชื่อดังคนหนึ่งชื่อ กงหมิงอี๋ เขาแต่งเพลงได้ เล่นดนตรีก็เป็น เขาเล่นพิณ 7 สายได้ไพเราะน่าฟัง ทำให้มีผู้คนมากมายชอบที่จะฟังเขาเล่น โดยทุกคนต่างก็เคารพนับถือในตัวเขามาก แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว กงหมิงอี๋ก็เคยก่อเรื่องตลกๆอยู่บ้างเหมือนกัน

公明仪不但在室内弹琴,遇上好天气,还喜欢带琴到郊外弹奏。有一天,他来到郊外,春风徐徐地吹着,垂柳轻轻地动着,一头黄牛正在草地上低头吃草。公明仪一时兴致来了,摆上琴,拨动琴弦,就给这头牛弹起了最高雅的乐曲《清角之操》来。老黄牛在那里却无动于衷,仍然一个劲地低头吃草。 Continue reading

นิทานสำนวนสุภาษิตจีน: วาดงูเติมขา [画蛇添足]

วาดงูเติมขา

画蛇添足 [huà shé tiān zú] วาดงูเติมขา

有个楚国贵族,在祭祀过祖宗后,把一壶祭酒赏给门客们喝。门客们拿着这壶酒,不知如何处理。他们觉得,这么多人喝一壶酒,肯定不够,还不如干脆给一个人喝,喝得痛痛快快还好些。可是到底给谁好呢?于是,门客们商量了一个好主意,就是每个人各自在地上画一条蛇,谁先画好了这壶酒就归谁喝。大家都同意这个办法。

门客们一人拿一根小棍,开始在地上画蛇。

有一个人画得很快,不一会儿,他就把蛇画好了,于是他把酒壶拿了过来。正待他要喝酒时,他一眼瞅见其他人还没把蛇画完,他便十分得意地又拿起小棍,边自言自语地说:“看我再来给蛇添上几只脚,他们也未必画完。”边说边给画好的蛇画脚。
不料,这个人给蛇画脚还没完,手上的酒壶便被旁边一个人一把抢了过去,原来,那个人的蛇画完了。

这个给蛇画脚的人不依,说:“我最先画完蛇,酒应归我喝!”

那个人笑着说:“你到现在还在画,而我已完工,酒当然是我的!”

画蛇脚的人争辩说:“我早就画完了,现在是趁时间还早,不过是给蛇添几只脚而已。”

那人说:“蛇本来就没有脚,你要给它添几只脚那你就添吧,酒反正你是喝不成了!”
那人毫不客气地喝起酒来,那个给蛇画脚的人却眼巴巴看着本属自己而现在已被别人拿走的酒,后悔不已。
有些人自以为是,喜欢节外生枝,卖弄自己,结果往往弄巧成拙,不正像这个画蛇添足的人吗?

——————————
画蛇添足 [huà shé tiān zú] : วาดงูเติมขา

画 [huà] วาด
蛇 [shé] งู
添 [tiān] เติม, เพิ่ม
足 [zú] เท้า(ขา)

ในสมัยสงครามระหว่างรัฐ(จั้นกั๋ว) มีครอบครัวครอบครัวหนึ่งในรัฐฉู่ เมื่อทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษแล้วมักจะมอบสุราให้กับผู้ที่มาช่วยงานเป็นการ ตอบแทน 1 ไห แต่ในความเป็นจริงแล้วสุรา 1 ไหมีปริมาณน้อยเกินไป หากแบ่งให้ทุกคนดื่มต่างก็ดื่มได้ไม่เต็มที่ ไม่สู้ดื่มเพียงคนเดียว

ผู้ที่มาช่วยงานผู้หนึ่งจึงออกความเห็นว่า “เพื่อความเป็นธรรม เอาอย่างนี้ดีกว่า พวกเราวาดรูปงูแข่งกัน ใครวาดเสร็จก่อนก็ได้สุราไหนั้นไป”

คนอื่นๆ ต่างเห็นด้วย จึงพากันวาดรูปงูลงบนพื้น สักพักมีคนผู้หนึ่งวาดเสร็จก่อน แต่เมื่อเขามองไปรอบๆ เห็นคนอื่นยังคงก้มหน้าก้มตาวาดกันอยู่ เขาจึงกระหยิ่มใจ และคิดว่าเพื่อเป็นการแสดงให้คนอื่นเห็นว่าตนวาดภาพเร็วมาก หากวาดขาเติมลงไปในรูปงูของตนเองอีก 4 ข้างก็ยังทัน คิดได้ดังนั้นจึงวาดต่อ แต่วาดยังไม่ทันเสร็จ มีคนอีกผู้หนึ่งวาดรูปงูเสร็จแล้ว และเดินไปหยิบไหสุรามาถือไว้ก่อนใคร ทั้งยังเดินมากล่าวกับชายที่เติมขาให้งูว่า
“ท่านจะมัวเติมขาให้งูไปทำไม ในเมื่อความจริงงูไม่มีขา งูที่มีขาย่อมไม่ใช่งู”

หลังจากกล่าวจบก็ดื่มสุราไหนั้นจนหมดเกลี้ยง นั่นคือที่มาของสุภาษิต “ฮว่าเสอเทียนจู๋” หรือ “วาดงูเติมขา”

ปัจจุบันใช้เพื่อเปรียบเทียบกับการทำสิ่งที่เกินจำเป็น เกินพอดี ไม่มีเหตุผล ซึ่งนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังเสียเวลา และอาจจะทำให้เรื่องราวเลวร้ายลงไปอีกด้วย

楚国 [chǔguó] รัฐฉู่
贵族 [guìzú] ผู้ดีมีตระกูล
祭祀 [jìsì] เซ่นไหว้
祖宗 [zǔzōng] บรรพบุรุษ
门客 [ménkè] ปัญญาชนที่เหล่าขุนนางเลี้ยงไว้เป็นที่ปรึกษา
不知 [bùzhī] ไม่รู้
如何 [rúhé] อย่างไร
处理 [chǔlǐ] จัดการ
觉得 [juéde] รู้สึก, คิด
这么 [zhème] แบบนี้
肯定 [kěndìng] ตกลงกัน
不够 [bùgòu] ไม่เพียงพอ
干脆 [gāncuì] ตรงไปตรงมา
个人 [gèrén] แต่ละคน
痛快 [tòngkuài] มีความสุข
还好 [háihǎo] ไม่เลว
可是 [kěshì] แต่
到底 [dàodǐ] สุดท้าย, ที่สุด
于是 [yúshì] ดังนั้น
商量 [shāngliáng] ปรึกษากัน
主意 [zhǔyì] ความคิดเห็น
就是 [jiùshì] ก็คือ
各自 [gèzì] ต่างคนต่าง
大家 [dàjiā] ทุกคน
同意 [tóngyì] เห็นด้วย
这个 [zhègè] อันนี้
办法 [bànfǎ] วิธีการ
开始 [kāishǐ] เริ่ม
不一 [bùyī] แตกต่างจาก
把酒 [bǎjiǔ] ยกแก้วเหล้าขึ้น
过来 [guòlái] เข้ามา
喝酒 [hējiǔ] ดื่มเหล้า
瞅见 [chǒujiàn] มองเห็น
其他 [qítā] คนอื่นๆ
十分 [shífēn] มั่นใจเต็มที่, อย่างแน่นอน
得意 [déyì] ภาคภูมิใจ
自言自语 [zìyánzìyǔ] พูดกับตัวเอง
未必 [wèibì] ทำไมไม่
不料 [bùliào] ไม่ได้คาดคิด
酒壶 [jiǔhú] กาเหล้า
旁边 [pángbiān] ด้านข้าง
过去 [guòqu] เอาไป
原来 [yuánlái] ต้นตอ
那个 [nàge] อันนั้น
完了 [wánliǎo] เสร็จ, จบ
不依 [bùyī] ไม่ยอม
最先 [zuìxiān] ก่อนใคร
现在 [xiànzài] ตอนนี้, ขณะนี้
完工 [wángōng] งานเสร็จ
当然 [dāngrán] อย่างแน่นอน
争辩 [zhēngbiàn] ถกเถียง
时间 [shíjiān] เวลา
不过 [bùguò] เพียงแต่
而已 [éryǐ] เท่านั้นเอง
本来 [běnlái] ต้นแบบ
没有 [méiyǒu] ไม่มี
反正 [fǎnzheng] อย่างไรก็ตาม
不成 [bùchéng] ไม่สำเร็จ
毫不 [háobù] ไม่เลย
客气 [kèqi] สุภาพ, ถ่อมตน
眼巴巴 [yǎnbābā] ตาปริบๆ
自己 [zìjǐ] ตัวเอง
别人 [biérén] คนอื่น
后悔 [hǒuhuǐ] เสียใจ
不已 [bùyǐ] ไม่หยุด
有些 [yǒuxiē] บางส่วน, บ้าง
自以为是 [zìyǐwéishì] ตัวเองคิดว่าใช่
喜欢 [xǐhuān] ชอบ
节外生枝 [jiéwàishēngzhī] มีปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมา
卖弄 [màinong] แสดงฝีมือโอ้อวด
结果 [jiéguǒ] ผลลัพธ์
往往 [wǎngwǎng] มักจะ
弄巧成拙 [nòngqiǎochéngzhuō] ทำเป็นอวดเก่งสุดท้ายก็ผูกมัดตัวเอง

อ้างอิงคำแปลจาก https://www.somdom.com/archiver/tid-3487.html

สุภาษิตจีน : ป๋อเล่อเลือกม้า [伯乐相马]

สุภาษิตจึน

伯乐相马 [bólèxiāngmǎ]

ป๋อเล่อเซี่ยงหม่า(伯乐相马) : ป๋อเล่อเลือกม้า

伯乐 [bólè] คำเรียกคนคัดสรรม้าศึกในสมัยโบราณ
相 [xiāng] เลือก
马 [mǎ] ม้า
伯乐相马 [bólèxiāngmǎ] ป๋อเล่อเลือกม้า

เชื่อกันว่าในสรวงสวรรค์มีเซียนวิเศษที่ทำหน้าที่ดูแลอาชาแห่งสวรรค์ ส่วนในโลกมนุษย์ก็มีผู้ที่มีความสามารถในการคัดเลือกยอดอาชาเช่นกัน โดยบุคคลเหล่านี้จะถูกเรียกว่า “ป๋อเล่อ”

ป๋อเล่อคนแรกในประวัติศาสตร์ มีชื่อเดิมว่า ซุนหยัง เป็นคนสมัยชุนชิว และเนื่องจากว่าเขามีความรู้เรื่องม้าอย่างลึกซึ้ง โดดเด่น ทำให้ผู้คนต่างพากันเรียกเขาว่าป๋อเล่อ แทนชื่อจริง

วันหนึ่ง เขาได้รับมอบหมายจากอ๋องรัฐฉู่ ให้ไปซื้อหาม้าห้อพันลี้ ซึ่งมีฝีเท้าจัดเป็นเลิศในแผ่นดินมาถวายเป็นมาศึก ป๋อเล่อตอบตกลงโดยกล่าวกับท่านอ๋องว่า
“อันว่ายอดอาชาในแผ่นดิน มีจำนวนนับได้ การเสาะหาคงไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องใช้เวลา ดังนั้นขอให้ท่านอ๋องใจเย็นๆ ” กล่าวจบจึงออกเดินทางไปเสาะหาม้าที่เหมาะสมทันที

ป๋อเล่อเดินทางไปยังหลายรัฐหลายประเทศ แม้แต่ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นถิ่นกำเนิดยอดอาชา อย่างรัฐเอียน(燕) และรัฐเจ้า(赵) แต่ก็ไม่ปรากฏม้าที่มีลักษณะต้องประสงค์

วันหนึ่งขณะที่เดินทางกลับจากการไปเสาะหาม้ายังรัฐฉี ป๋อเล่อพลันพบเห็นม้าตัวหนึ่งกำลังออกแรงลากเกวียนบรรทุกเกลืออยู่อย่างยาก ลำบาก มันหอบหายใจเสียงดัง และมีท่าทางอิดโรยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความที่ป๋อเล่อมีชีวิตผูกพันกับม้ามาโดยตลอด ทำให้เขารู้สึกสงสารและเข้าไปหาม้าตัวนั้น

เมื่อม้าพบเห็นป๋อเล่อเข้ามาใกล้ พลันเงยหน้า เบิ่งตาจ้องมอง พร้อมกับร้องออกมาด้วยเสียงดังกังวาน ราวกับจะบอกอะไรกับเขา ในครานั้นเองป๋อเล๋อได้แยกแยะจากเสียงร้องของเจ้าม้าบบรทุกเกลือ และพบว่า นี่เองคือสุดยอดอาชาที่เขาปรารถนา

ป๋อเล่อจึงกล่าวกับเจ้าของม้าในขณะนั้นว่า
“ม้าตัวนี้หากวิ่งอยู่ในสนามรบ ฝีเท้าของมันจักไม่มีม้าตัวใดเทียบเทียมได้ แต่หากนำมาบรรทุกของ มันกลับไม่อาจเปรียบกับม้าธรรมดาๆ ตัวอื่น ท่านมิสู้มอบมันให้กับเราเถิด”

เจ้าของม้าได้ยินก็เข้าใจว่าป๋อเล่อนั้นช่างโง่เขลา เนื่องจากที่ผ่านมา ม้าตัวนี้แทบไม่มีแรงลากเกวียน แถมยังกินจุ และมีขาที่ผอมราวกับไม้ฟืน จึงรีบตกลงขายให้กับโป๋เล่อไป

ป๋อเล่อนำม้ากลับมายังรัฐฉู่ ขณะที่กำลังเดินเข้าสู่ที่ประทับของท่านอ๋อง ป๋อเล่อก็กล่าวเบาๆ กับม้าว่า
“ข้าหาเจ้านายที่คู่ควรมาให้เจ้าแล้ว” ม้าราวกับเข้าใจคำพูดของป๋อเล่อ พลันดีดขาหน้าขึ้นตะกุยอากาศ พร้อมทั้งร้องเสียงดังกังวาน จนกระทั่งท่านอ๋องได้ยินเสียง และรีบออกมาชมดู

ป๋อเล่อเมื่อพบท่านอ๋องก็กล่าวว่า
“ข้าน้อยนำยอดอาชากลับมาแล้ว ท่านโปรดพิจารณาดู”

ฝ่ายท่านอ๋องเมื่อเห็นม้ามีลักษณะทึ่มทื่ออย่างยิ่ง ก็รู้สึกผิดหวัง เข้าใจว่าโดนป๋อเล่อหลอก จึงกริ้วและตรัสกับป๋อเล่อว่า
“ข้าใช้ท่านหาม้า ก็เพราะเชื่อว่าท่านมีความสามารถ แต่ท่านกลับนำตัวอะไรไม่รู้มาให้ข้า ดูท่าทางมันแล้วขนาดเดินเฉยๆ ยังยาก จะให้ขี่ลงสนามรบคงเป็นไปไม่ได้”

ป๋อเล่อรีบกล่าวว่า “ม้าตัวนี้ลักษณะทึ่มทื่อก็เพราะมันผ่านความยากลำบากมามาก แต่หากเจ้าของดูแลเอาใจใส่ ข้าน้อยรับรองว่าไม่เกินครึ่งเดือนมันจะกลับคืนสู่ลักษณะที่แท้จริง ”

เมื่อได้ฟัง ท่านอ๋องมิได้เชื่อเท่าใดนัก แต่ก็ให้ทหารนำม้าไปดูแลอย่างดี ป้อนอาหารชั้นดีให้มันกิน จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นาน มันก็กลับคืนสู่ลักษณะของยอดอาชา ยามที่ท่านอ๋องขึ้นขี่ เพียงใช้แส้กระตุ้นเบาๆ มันก็พุ่งทะยานไปมากกว่า 100 ลี้

ต่อมามันได้กลายเป็นม้าศึกคู่กายอ๋อง และอ๋องรัฐฉู่ก็กลับมาให้ความนับถือในตัวป๋อเล่อดังเดิม

ป๋อเล่อเซี่ยงหม่า ปัจจุบันใช้เปรียบเปรยถึงผู้ที่มีสายตาแหลมคมในการคัดสรรคนดีมีฝีมือ

อ้างอิงจาก www.somdom.com/archiver/tid-3487.html

สุภาษิตจีน : คนเมืองฉี่กังวลว่าฟ้าจะถล่ม [杞人忧天]

สุภาษิตจึน

杞人忧天 [qǐrényōutiān] : คนเมืองฉี่กังวลว่าฟ้าจะถล่ม

ในสมัยอดีตกาล รัฐฉี่(สมัยโจว ปัจจุบันอยู่ในมณฑลหูหนาน) มีชายผู้หนึ่งเป็นคนขี้ขลาดตาขาว และสติไม่ค่อยสมประกอบ เขามักจะขบคิดอยู่กับปัญหาแปลกประหลาด และเป็นปัญหาที่เมื่อเอาไปถามใครก็ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไร้สาระ หาแก่นสารไม่ได้

อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อเขารับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว ก็ถือพัดออกไปนั่งอยู่ที่หน้าประตูบ้าน และรำพึงรำพันกับตัวเองว่า

“ถ้าวันใดวันหนึ่ง ฟ้าถล่มลงมา แล้วเราจะทำยังไงดีนะ จะหนีก็คงหนีไม่ทัน ต้องโดนฟ้าทับตายอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่แน่ๆ”

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็เอาแต่วิตกกังวลอยู่กับปัญหานี้ เพื่อนฝูงเมื่อเห็นว่าสติเขาเริ่มฟั่นเฟือนลงไปทุกวันๆ หน้าตาก็เศร้าหมองอมทุกข์ ก็ต่างเป็นห่วงเป็นใย และช่วยกันเตือนสติชายผู้นี้ว่า

“เพื่อน ท่านอย่างมานั่งวิตกกังวลกับปัญหาแบบนี้เลย ท้องฟ้าไม่มีทางถล่มลงมาหรอก หรือถ้าสมมติว่าฟ้าถล่มลงมาจริง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านเพียงคนเดียวมาขบคิดวิเคราะห์แล้วสามารถแก้ไขได้ เพราะใต้ฟ้าก็ไม่ได้มีท่านเพียงคนเดียว ปล่อยวางเสียเถอะ”

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะตักเตือนหรือปลอบใจอย่างไร ชายชาวเมืองฉี่ผู้นี้ก็ไม่เชื่อ ยังคงวิตกกังวลกับปัญหานี้ต่อไป

ต่อมา คนยุคหลังได้นำเรื่องเล่านี้มาตั้งเป็นสุภาษิต ฉี่เหรินโยวเทียน แปลตรงตัวคือ คนเมืองฉี่กังวลต่อฟ้า โดยในเรื่องคือคนเมืองฉี่กลัวฟ้าถล่ม ใช้เปรียบเทียบผู้ที่มัววิตกกังวลอยู่กับเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ หรือเรื่องที่ไม่มีที่มาที่ไป ไร้สาระ
sugarcane 发表于 2008-5-10 12:24

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.somdom.com/archiver/tid-3487.html

สุภาษิตจีน : สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ [狐假虎威]

สุภาษิตจึน

狐假虎威 [hújiǎhǔwēi] สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ

ในสมัยจั้นกั๋ว(สงครามระหว่างรัฐ) เมื่อครั้งที่รัฐฉู่เข้มแข็งถึงที่สุด อ๋องฉู่เซวียน(楚宣王)เกิดความคลางแคลงใจว่า เหตุใด ทุกรัฐในแดนเหนือจึงได้กลัวเกรงแม่ทัพซีซู่(奚恤)ซึ่งเป็นแม่ทัพใต้บังคับ บัญชาของพระองค์นัก พระองค์จึงได้สอบถามปัญหานี้กับบรรดาขุนนางข้างกายของพระองค์
มีขุนนางนามว่า เจียงอี่ว์ (江乙)มิได้ตอบคำถามอ๋องรัฐฉู่โดยตรง แต่กลับเล่านิทานเรื่องหนึ่งถวายพระองค์ เรื่องมีอยู่ว่า

กาลครั้งหนึ่ง มีเสือตัวใหญ่อาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ด้วยความหิว จึงออกมาหาอาหาร และได้พบกับสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งกำลังเดินอยู่ในป่าลึก จึงได้ตะครุบเพื่อหวังกินเป็นอาหาร แต่ธรรมชาติของสุนัขจิ้งจอกนั้นมีความกลิ้งกลอก เพื่อความอยู่รอดมันจึงชิงกล่าวกับเสือว่า
“แกรู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร ข้าได้รับคำสั่งจากสวรรค์ให้มาดูแลควบคุมสัตว์ต่างๆบนโลกนี้ ถ้าแกกินข้าก็เท่ากับขัดคำสั่งสวรรค์ ต้องโดนสวรรค์ทำโทษแน่นอน”

เมื่อเสือได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงัก ในใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พอเห็นดังนั้นจิ้งจอกได้ทีจึงรียพูดต่อว่า
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เดี๋ยวเดินตามหลังข้ามา แล้วคอยดูว่าพอสัตว์ต่างๆพบข้า พวกมันต่างก็กลัวจนหัวหดหรือไม่ ” เสือได้ฟังก็เห็นว่าวิธีนี้ไม่เลว จึงเดินตามจิ้งจอกไป

ดังนั้นจิ้งจอกเดินนำ เสือเดินตาม เมื่อไปที่ไหน สัตว์น้อยใหญ่เห็นเข้าก็แตกฮือ หนีกระเจิดกระเจิง จิ้งจอกยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่อง ส่วนเสือเห็นดังนั้นก็เริ่มเกรงจิ้งจอกขึ้นมา โดยไม่รู้เลยว่าสัตว์ต่างๆ ไม่ได้กลัวหมาจิ้งจอก แต่วิ่งหนีตนต่างหาก

แม้ว่าแผนการของจิ้งจอกจะสำเร็จ แต่ที่มันสามารถมีชีวิตต่อไปได้ก็ด้วยการหยิบยืมอำนาจของเสือมาใช้ทั้งสิ้น มิใช้ด้วยบารมีของตนเองแต่อย่างใด
เล่าถึงตรงนี้ ขุนนางเจียงอีว์จึงสรุปว่า ที่รัฐแดนเหนือกลัวแม่ทัพซีซู่ ก็เป็นเพราะกำลังทหารทั้งหมดของท่านอ๋องอยู่ในมือเขา หรือกล่าวได้ว่า ที่ผู้คนกลัวคือบารมีของท่านอ๋อง หาใช่ตัวตนของแม่ทัพซีซู่ไม่

นี่คือที่มาของสุภาษิต “狐假虎威”

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.somdom.com/archiver/tid-3487.html