ความเเตกต่างระหว่างคำว่า 理解 กับ 了解

ความเเตกต่างระหว่างคำว่า 理解 กับ 了解

จีบน้องเเพทซอย7.4 ตอน “เข้าใจ”บ้างสิเธอว์

ความเเตกต่างระหว่างคำว่า 理解 กับ 了解 ซึ่งเเปลว่า เข้าใจทั้งคู่ ต้องมองที่รากศัพท์ก่อนครับ

解 jiě คือคลี่คลาย 理 lǐ คือเหตุผล/หลักการ 了 liǎo คือ ผ่านพ้น/อดีต

  • 理解 [lǐjiě] คือ เข้าใจหลักการ/เหตุผล ฉะนั้น ใช้กับสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องหลักการ เรื่องเหตุผล เรื่องวิธีการหรือเเม้เเต่ เรื่องวิชาการ เช่น ถ้าพูดว่า “ผมไม่เข้าใจข้อสอบข้อนี้” นั่นหมายความว่าเราไม่เข้าใจหลักการในการเเก้โจทย์ …เราต้องพุดว่า 我不理解这条考题。
  • 了解คือ เข้าใจด้วยสิ่งที่ผ่านพ้นไป หรือ เข้าใจจากประสบการณ์เเละระยะเวลานั่นเอง ฉะนั้น ถ้าเป็นกรณี เเม่เข้าใจลูก ฉันเข้าใจประเทศไทย เขาเข้าใจพื้นที่ภูมิศาสตร์เเถบนี้ ก็ควรจะใช้คำว่า 了解 เช่น 妈妈最了解我คุณเเม่เข้าใจผมที่สุด 他很了解中国文化เขาเข้าใจวัฒนธรรมจีนอย่างดี

ถ้าสมมติโจทย์ออกว่า 我真不___为什么他这样做。 เราควรจะใช้คำไหนดี เราก็ต้องมาวิเคราะห์ที่คำว่า 这样做(ทำเช่นนี้/จัดการเเบบนี้) คำนี้หมายถึง ทำบางอย่างด้วย”วิธีการ”บางอย่าง ซึ่งวิธีการก็คือหลักเหตุผล ไม่ใช่ประสบการณ์ ย่อมต้องใช้คำว่า理解ครับ ตอบว่า 我真不理解为什么他这样做。ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเขาถึงทำเเบบนี้/จัดการเเบบนี้

เสริมท้าย…

  • 懂 รู้เรื่อง(ฟังออก)/เข้าใจ/มีความรู้เกี่ยวกับ… เช่น 我懂中文ฉันฟังภาษาจีนรู้เรื่อง
  • 知道 รู้/รู้จัก(บุคคล)  เช่น 我知道นิชคุณ ฉันรู้จัก/รู้เกี่ยวกับนิชคุณ
  • 明白เข้าใจเเจ่มเเส้ง/ถึงบางอ้อเเล้ว
  • 懂 กับ 明白เป็นภาษาพูด ; 理解 กับ 了解เป็นภาษาเขียน

ติดตามได้ใน…อ.อี้hsk&patจีน

เรียนภาษาจีนกับอาจารย์อี้ : เรื่องการเปรียบเทียบ 对 กับ 跟

อ.อี้ hsk & patจีน

对 กับ 跟

จีบน้องPAT ซอย7.4  ตอน น้องแพทดุมว้าก!! (จากข้อสอบPAT7.4ปี54) *HSKระดับ3ก็มาอ่านได้

#ข้อที่1#

  • 我们的老师____新来的同学很热情。เราควรจะเลือกตัวเลือกไหนดี?

ข้อสอบข้อนี้กำลังวัดความเข้าใจเรื่องการเปรียบเทียบ 对 กับ 跟 เพราะทั้งคู่สามารถแปลเป็นคำว่า “กับ/ต่อ” สองคำนี้ใช้ในการแต่งประโยค ทำอะไรสักอย่าง “กับ”ใครสักคน (A xxx กับB…เอ่อม…xxx เป็นตัวแปรแทนการกระทำใดๆเฉยๆครับ อย่าคิดลึก)

ความจริง โดยทั่วไปแล้ว

  • 对แปลว่า รู้สึกอะไรสักอย่าง “ต่อ”ใครสักคน(ใช้กับadj.)
  • 跟แปลว่า ทำอะไรสักอย่าง “กับ”ใครสักคน(ใช้กับV.) Continue reading

ตอน เรื่องความเป็นมาของคำว่ากู 孤

อ.อี้ hsk & patจีน

ตอน เรื่องของกู 孤 [gū]

หลายท่านอาจคิดว่าผมเล่นมุขคำพ้องเสียงจีน-ไทยเฉยๆ ความจริงไม่ได้ต้องการอธิบายคำว่า กู เเต่หมายถึง 孤 ต่างหาก เเต่อันที่จริงของอันที่จริงอีกที ผมหมายถึงคำว่า กู ของกูมึง นั่นเเหล่ะครับ

เรื่องมีอยู่ว่า ความจริงในยุคสมัยก่อนยุคชุนชิว 春秋 [chūnqiū] ภาษาจีนก็ปรากฏสรรพนามบุรุษที่หนึ่งคำว่า กู 孤 เเล้ว มีความหมายว่า “ข้าพเจ้า” เป็นสรรพนามบุรุษที่หนึ่งสำหรับเจ้าเเห่งเเคว้น/อ๋อง นั่นเอง (ก่อนยุคราชวงศ์ฉิน 秦 [qín] ไม่มีฮ่องเต้ มีเเต่่ท่านอ๋อง 王 [Wáng] )

ในภาพยนตร์จีนเเนวพงศาวดาร เรามักจะได้ยินกษัตริย์ใช้สรรพนามเเทนตัวเองด้วยคำ 3 คำอันได้เเก่ 孤 [gū], 寡人 [guǎrén],  朕 [zhèn] เชื่อว่านักเรียนนักศึกษาคงสงสัยว่าคำเหล่านี้ต่างกันอย่างไร

คำตอบก็คือ ประการเเรก เป็นคำที่ใช้ในยุคสมัยที่เเตกต่างกันครับ คำว่า 孤 [gū], 寡人 [guǎrén] เป็นสรรพนามบุรุษที่หนึ่งสำหรับกษัตริย์ ในยุคชุนชิว 春秋(รวมราชวงศ์ฉิน秦) เเต่ต่อมา เมื่อจิ๋นซีฮ่องเต้ 秦始皇帝 [qínshǐhuáng dì]  รวมรวมเเผ่นดินเป็นปึกเเผ่นเเล้ว ได้บัญญัติคำว่า 皇帝 [huángdì] ฮ่องเต้ ขึ้นมา เพื่อเป็นราชันย์ในหมู่ราชันย์ จึงได้มีการกำหนดสรรพนามของฮ่องเต้ขึ้น นั่นคือคำว่า 朕 [zhèn]  นั่นเอง ส่วนคำว่า 孤 [gū], 寡人 [guǎrén] ถูกลดฐานะลงเป็นสรรพนามสำหรับอ๋องเเละศักดินาที่ได้รับการเเต่งตั้ง

เช่นในยุคสามก๊ก(ปลายราชวงศ์ฮั่น) เล่าปี่ ซุนกวน เเละโจโฉไม่เคยเรียกตัวเองว่า 朕 เเต่จะใช้เเค่คำว่า孤 หรือไม่ก็ 寡人เท่านั้น เพราะพวกเขาไม่ได้เป็นฮ่องเต้ มีเเต่พระเจ้าเฮี่ยนเต้ ถึงจะใช้สรรพนามเเทนตัวเองว่า 朕

ส่วน 孤 กับคำว่า 寡人 ต่างกันไหม คำตอบคือ โดยทั่วไป คนทางภาคกลางจนถึงใต้(ใกล้พม่า ไทย เขมร) นิยมใช้ 孤 ส่วนคนทางเหนือใช้คำว่า 寡人

ด้วยเหตุนี้จึงไม่เเปลก หากภาษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีคำบางคำ เป็นคำพ้องเสียงเเถมยังพ้องความหมายกับภาษาจีน ดังเช่นคำว่า孤 [gū] กับ กู นั่นเอง

ส่วนคราวหน้าจะมี เรื่องของมึง เเล้วก็เรื่องของเเม่งด้วยไหม? โปรดติดตามตอนต่อไป

สวัสดี(- /i\ -)
ติดตามได้ใน…อ.อี้hsk&patจีน

การใช้ 在/到/于 +(เวลา/สถานที่ ฯลฯ)

Gunth Lpnm ใน Love Chinese

เมื่อไรควรใช้บุพบท “在 / 到 /于” นอกจากขึ้นกับความหมายของประโยค (หรือสิ่งที่ผู้พูดต้องการสื่อออกไป) แล้ว ยังขึ้นกับความคุ้นเคยในการใช้งานอีกด้วย

เรามาแยกดูบุพบท 3 ตัวนี้ทีละตัวกัน

1.在/到 + (เวลา)

  • 在 +(เวลา) — เวลาในที่นี้ หมายถึงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ หรือการกระทำกริยานั้นขึ้น
  • 到 +(เวลา) — เวลาในที่นี้ หมายถึงเหตุการณ์ หรือกริยาเกิดขึ้นจนถึงเวลาที่ระบุ หรือดำเนินต่อเนื่องจนถึงเวลาใดเวลาหนึ่ง
  • 在/到 +(เวลา)เมื่อไว้ในประโยคจะวางหน้าภาคแสดง (谓语)(หรือ 动词 — คำกริยา)ทำหน้าที่เป็นบทขยายภาคแสดง(状语)หรือจะวางหลังภาคแสดง (谓语)(หรือ 动词 — คำกริยา)ทำหน้าที่เป็นบทเสริมท้ายภาคแสดง(补语) ก็ได้

เขียนเป็นรูปโครงสร้างให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ คือ

  • 在/到 +(เวลา)+ 谓语(动词)หรือ
  • 谓语(动词)+ 在/到 +(เวลา)

ทั้งนี้ เมื่อ 在 +(เวลา)วางหลัง 谓语(动词)ทำหน้าที่เป็น 补语 ของคำกริยา (动词)ที่อยู่ข้างหน้า มักเป็นคำกริยาที่ไม่เน้น หรือปรากฏกริยาอาการ, การกระทำ หรือการเคลื่อนไหวชัดเจน

ส่วนกรณีของ 到 +(เวลา)วางหลัง 谓语(动词)ทำหน้าที่เป็น 补语 ของคำกริยา (动词)ที่อยู่ข้างหน้า มักเป็นคำกริยาที่เน้น หรือปรากฏกริยาอาการ, การกระทำ หรือการเคลื่อนไหวชัดเจน เช่น

  • 我们在下周就要期末考试了。(วางหน้า 考试)
  • 他在1967年(出)生的。(วางหน้า(出)生)
  • 他(出)生在1967年的。(วางหลัง(出)生)
  • 他生在秋天。(วางหลัง 生)
  • 我把会议安排在明天早上。(วางหลัง 安排)
  • 到冬季,天气比现在更冷。(วางหน้า 比)
  • 我们一直干活干到凌晨两点才干完。(วางหลัง 干)

จะเห็นได้ว่า เมื่อใช้กับเวลา 在 +(เวลา)และ 到 +(เวลา) บุพบท 2 คำนี้ ไม่สามารถใช้แทนกันได้ เพราะทำให้ความหมายของประโยคเปลี่ยนไป เช่น Continue reading

การใช้ 有 , 没有 เรื่องง่ายเเต่อย่ามองข้าม

อ.อี้ hsk & patจีน

จีบน้องเเพทซอย7.4 ตอน 有 / 没有เรื่องง่ายเเต่อย่ามองข้าม

หลายคนอาจไม่เคยสังเกตุ คำว่า 有 / 没有 มีความหมายอื่นนอกจาก มี / ไม่มี กรณีทั่วไป 有 / 没有เเปลว่า มี/ไม่มี เช่น

  • 有钱 /没有钱 มีเงิน/ไม่มีเงิน
  • เเต่ในกรณีที่ 有 / 没有 ตามหลังด้วยคำกริยา ความหมายจะเปลี่ยนไป เช่น 他没有吃 เขาไม่ได้กิน (ตรงนี้สังเกตุให้ดีนะครับ คนละความหมายกับ 他不吃 เขาไม่กิน)

* 他没有吃 เขาไม่ได้กิน (เป็นการบอกเล่าสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น/ส่วนอนาคตจะเกิดขึ้นไหมก็ไม่รู้) * หรือกรณีเราไม่ยอมรับสิ่งที่คนอื่นกล่าวหา เราก็สามารถใช้รูปนี้ได้ เช่น 我没有吃 ฉันไม่ได้กินนะ

** 他不吃 เขาไม่กิน *หรืออาจหมายถึง เขาไม่ยอมกิน/เขาไม่ชอบกิน(เป็นประโยคปฏิเสธ/ไม่มีวันเกิดขึ้น/ไม่ชอบให้เกิดขึ้น)

สรุป:

  • 没有+คำนาม = ไม่มีxx
  • 没有+คำกริยา =ไม่ได้xx *ไม่ได้ทำบางสิ่ง/ไม่ยอมรับว่าเคยทำ)
  • 不+คำกริยา=ไม่xx *ไม่ทำ / ไม่ยอมทำ /ไม่ชอบ

คราวนี้มาดูคำว่า 有

  • 有+คำนาม = มีxx เช่น 我有本子 ฉันมีสมุด
  • 有+คำกริยา = ได้xx / เคยXX (ได้ทำบางสิ่ง/ยอมรับว่าทำไปเเล้ว) เช่น กรณีคนถามเราว่า 你有没有来过上海?(คุณเคยมาเซี่ยงไฮ้หรือเปล่า) เราสามารถตอบห้วนๆย้อนรูปคำถามได้เลยว่า 有啊(เคยสิ) หรือตอบ 我有来过(ฉันเคยมา)

เเต่เหตุที่ปกติเราไม่ค่อยเห็นคนจีนใช้รูปประโยค 我有来过(ฉันเคยมา) เพราะคนจีนนิยมย่อเหลือ 我来过 มากกว่า
อีกกรณีหนึ่ง ถ้ามีคนถามว่า 你有没有吃早饭 คุณทานมื้อเช้าหรือยัง เราก็สามารถตอบได้ 2เเบบ คือ 我吃了 หรือ 我有吃 หรือตอบห้วนๆว่า吃了/ 有啊 ก็ได้ เเต่รูป 我吃了 นิยมมากกว่า

เห็นไหมครับว่า บางครั้ง เรื่องง่ายๆเเต่ถ้าเรารู้ไม่ครบ ตอนสอบเราก็สับสนได้นะครับ ฉะนั้น ใจเย็นๆครับ อะไรที่ง่ายๆก็อย่ามองข้าม ในการสอบ คนที่พื้นฐานไวยากรณ์ดีย่อมได้เปรียบมากครับ

ติดตามได้ใน…อ.อี้hsk&patจีน

ความแตกต่างระหว่าง 没法子, 没办法, 没门儿, 没戏 และ 没戏唱

อ.อี้ hsk & patจีน

没法子, 没办法, 没门儿, 没戏, 没戏唱 คำเหล่านี้เหมือนกันเเละต่างกันอย่างไร?

  • 没法子 / 没办法  หมายถึง ไม่มีวิธีเเล้ว/หมดทางสู้/จนปัญญา
  • 没门儿 หมายถึง ไม่มีทาง! ฝันไปเถอะ! ใช้ในกรณีปฏิเสธ/พูดตัดบทอย่างไม่ใยดี ใช้เป็น”สำนวนสำเร็จรูป” ที่ไม่นิยมกับโครงสร้างประโยคอื่น เหมือนกับคำว่า 不行 ไม่ได้ 不成 ไม่เอาด้วย / ไม่มีทาง (เเต่ถ้าเอาไว้ท้ายสุดของประโยคก็พอจะอนุโลมได้ในภาษาพูด)
  • **法子 / 没办法 ใช้เป็น”ขยายภาคเเสดง”ได้(วางไว้หน้า การกระทำ) เช่น
    • 我没法子帮你。ผมจนปัญญาที่จะช่วยคุณเเล้วหล่ะ กรณีนี้เราไม่สามารถใช้คำว่า 没门儿
    • 我没法子帮你。(ถูก)
    • 我没门儿帮你。(ผิด) * ระวังครับ บางครั้งเราอาจได้ยินคนจีนพูดเเบบนี้ เเต่ในเเง่ของหลักภาษา ถือว่าผิดครับ ใช้กับข้อสอบไม่ได้

ส่วน 没戏, 没戏唱 ก็เป็นสำนวนสำเร็จรูป ไม่สามารถนำไปวางอยู่หน้าภาคเเสดง เช่นเดียวกับ 没门儿 *เเต่สามารถเชื่อมด้วย 就 หรือ 可 เพื่อจบประโยคได้

  • 没戏 หมายถึง หมดหวัง/ทำอะไรไม่ได้เเล้ว *戏=เกม, ละคร 没戏ประมาณว่า ไม่มีเกมให้เล่นต่อเเล้ว/ไม่มีบทให้เล่นต่อเเล้ว(หมดหวัง)
  • 没戏唱 ใช้ได้2กรณี 1.คือ หมดหวัง(เท่ากับคำว่า没戏) 2.คือ ไปต่อไม่เป็นเลย ทำอะไรไม่ถูก(เป็นสำนวนประชด) เช่น
    • 你来这个,我就没戏唱了。
    • หรือ 你来这个,我可没戏唱了。 โห นายทำเเบบนี้ ฉันไปต่อไม่เป็นเลยนะเนี่ย

*** จำไว้นะครับ สำนวนสำเร็จรูป คือสำนวนที่ความหมายจบในตัว ไม่นิยมเอาไปขยายอยู่หน้าโครงสร้างอื่นครับ ส่วนมากใช้เป็นรูปสั้นๆเพื่ออุทาน สบถ พูดตัดบท

  • 没门儿
  • 没戏
  • 没戏唱
  • 不行
  • 不成

คำเหล่านี้เป็นสำนวนสำเร็จรูปครับ

ติดตามได้ใน…อ.อี้hsk&patจีน

เจาะลึกความหมายของ 正 ในภาษาจีน

อ.อี้ hsk & patจีน

正! เเปลว่า เป๊ะ ใช่เลย ได้ใจ สุดยอด เจ๋งเป้ง

  • 正 zhèng =เป๊ะ / ตรงเป๊ะ เช่นเวลาหนุ่มๆเห็นสาวเดินผ่านเเล้วอุทานว่า 正妹! [zhèng mèi] คนสวยเป๊ะเว่อร์
  • เวลาชิมอาหารเเล้วอุทานว่า 正味道![zhèng wèidào] รสชาติเป๊ะมาก!
  • เวลาอะไรสักอย่างถูกใจเรามากๆ เราก็ ยกนิ้วโป้งเเล้วอุทานว่า 正!
  • เวลาเราทดลองสินค้าหรือวัตถุดิบเเล้วพบว่าเป็นของมีคุณภาพเป๊ะ เราก็อุทานว่า 正品![zhèngpǐn] คุณภาพเป๊ะ!

อีกกรณีหนึ่ง คำว่า ได้เเรงอก เเปลว่า กระชุ่มกระชวย มันส์ สนุกได้ใจ ก็ได้ เเต่ถ้าเราจะใช้ในความหมายนี้ ภาษาจีนต้องใช้คำว่า

  • 有劲儿!/ 太有劲儿了!/ 真有劲儿!= มันส์มว้าก! สนุกโคตรๆ โคตรได้ใจ คล้ายกับคำว่า 真痛快!สะใจจริงๆ

ปล. คำว่าสนุกในภาษาจีนใช้ได้หลายคำหลายระดับ ดูตัวอย่างต่อไปนี้ครับ

  • 快乐 [kuàilè] สนุก(สุขสันต์หรรษา)
  • 愉快  [yúkuài] สบายใจ สบายอารมณ์
  • 痛快 [tòngkuài] สนุก สะใจ มันส์ **痛เเปลว่าเจ็บ สุขเเบบเจ็บๆ=สะใจ

แถมท้าย…

  • 整 [zhěng] ถ้าใช้เป็นคำกริยาเเปลว่า เล่นงาน/ป่วน/เเกล้ง เช่น 你要整我吗?[nǐ yào zhěng wǒ ma?] นี่เเกล้งกันใช่ไหมเนี่ย?
  • 劲儿 [jìng ér] เป็นรูปภาษาพูดของคำว่า 力气 (เรี่ยวเเรง) เเละมีความหมายที่สอง คือ ความกระปรี้กระเปร่า/ความมันส์
  • ฉะนั้น 有劲儿 = มีความมันส์ มีความกระปรี้กระเปร่า/ดูมีเรียวมีเเรง เช่น คนชราชมคนหนุ่มสาวว่า 年轻人干活真有劲儿 [niánqīng rén gàn huó zhēn yǒujìn er] คนหนุ่มสาวเวลาทำงานก็ดีกระปรี่กระเปร่าเสียจริง เเต่ถ้าใช้เป็นคำอุทานสั้นๆ ก็จะเข้ากรณีที่อธิบายไว้*
  • 有劲儿!/ 太有劲儿了!/ 真有劲儿!= มันส์มว้าก! สนุกโคตรๆ โคตรได้ใจ คล้ายกับคำว่า 真痛快!สะใจจริงๆ
  • 没劲儿 = ไม่มันส์เลย เซ็งเป็ด
  • เเต่ถ้า 没劲儿了= หมดเเรงเสียเเล้ว *ตรงนี้น่าสนใจ คือ เเค่เติม了เข้าไป ความหมายเปลี่ยนครับ
  • 使劲儿 / 使劲 = ออกเเรง เวลาช่วยกันยกของหนัก จังหวะยก เราเรียกพลังจากเพื่อนๆด้วยคำว่า “ออกเเรง 使劲儿” (เเต่ถ้าเป็นคนไทย จะเรียกพลังโดยการร้องว่า “ฮึบ!”

อรุณสวัสดิ์ (-/i\-) ไปนอนล่ะ…คิกๆ
ติดตามได้ใน…อ.อี้hsk&patจีน

เกร็ดมังกร ตอน 四大奇书 เเละ 四大名书 ต่างกันอย่างไร?

อ.อี้ hsk & patจีน

เกร็ดมังกร ตอน สี่วรรณกรรมพิสดาร四大奇书 [sìdàqíshū] เเละ สี่วรรณกรรมอมตะ四大名书 [sìdàmíngshū] ต่างกันอย่างไร?

เชื่อว่าหลายคนอาจเคยเจอในข้อสอบHSKหรือไม่ก็การสอบเเข่งขัน汉语桥 [hànyǔqiáo] หรือไม่ก็ เพชรยอดมงกุฎ ซึ่งปรากฏโจทย์ที่ถามถึง四大奇书(4วรรณกรรมพิสดาร) ทำให้เราถึงกับงง เพราะเคยเรียนเเต่ 四大名书4วรรณกรรมอมตะ อันได้เเก่ วรรณกรรมสามก๊ก三国演义 วีรบุรุษเขาเหลียงซาน(ซ้องกั๋ง)水浒传 ไซอิ๋ว西游记 เเละ ความรักในหอเเดง 红楼梦

วันนี้จึงมาเล่าให้ฟังสั้นๆว่า 四大奇书(4วรรณกรรมพิสดาร) คืออะไร คำตอบคือ 4วรรณกรรมพิสดารถูกบัญญัติขึ้นในสมัยปลายราชวงศ์หมิง明ครับ นั่นหมายความว่า เกิดขึ้นก่อน4สี่วรรณกรรมอมตะ เพราะ ความรักในหอเเดง 红楼梦 [hónglóumèng] เกิดขึ้นในราชวงศ์ชิง清

เมื่อตัดความรักในหอเเดง 红楼梦ออก 四大奇书(4วรรณกรรมพิสดาร) 3ใน4 ตรงกับ 四大名书4(วรรณกรรมอมตะ) ได้เเก่:

  • 1.วรรณกรรมสามก๊ก 三国演义 [sānguó yǎnyì]
  • 2.วีรบุรุษเขาเหลียงซาน(ซ้องกั๋ง) 水浒传 [shuǐhǔ zhuàn]
  • 3.ไซอิ๋ว 西游记 [xīyóujì]
  • ส่วนอันดับที่4 คือ บุปผาในกุณฑีทอง金瓶梅 [jīnpíngméi]

เหตุที่วรรณกรรมทั้ง4นี้ถูกยกย่องว่า พิสดารพันลึก เพราะเนื้อหาเกิดจากการจิตนาการอันบรรเจิด ไม่ไช่การเขียนบันทึกเล่าเรื่องเเบบจืดชืดน่าเบื่อ มีการสร้างตัวละครสมมติขึ้นพร้อมๆกับฉากหลังที่หยิบมาจากพงศาวดาร (พูดง่ายๆคือ เรื่องจริง30 เรื่องเเต่ง70) ซึ่งเป็นการปฏิวัติการเขียนประพันธ์ที่มีมาเเต่เดิม เเละท้าทายความรู้สึกของผู้อ่านอย่างมาก โดยเฉพาะท้าทายต่อชนชั้นศักดินาในสังคม เเละมีนัยยะเเฝงในเชิงปฏิรูปการเมือง เด็ดดอกไม้สะเทือนดวงดาวอย่างเเยบยล Continue reading

โปเยโปโลเย 聊斋志异

อ.อี้ hsk & patจีน

เกร็ดมังกร ตอน 聊斋志异 [liáozhāizhìyì] คนอวดผีฉบับราชวงศ์ชิง 清

ถ้าเป็นเเฟนๆหนังจีนยุค 90 คงไม่มีใครไม่รู้จัก ไตรภาคอวดผีที่มีชื่อไทยสุดกิ๊บเก๋ว่า “โปเย โปโลเย” เเละต้องรู้จักคู่พระนางคู่ขวัญ คือ เลสลี่ จาง/张国荣 [zhāngguóróng] เเละ หวังจู่เสียน 王祖贤 [wángzǔxián] อย่างเเน่นอน เเละผู้กำกับต้อง ฉีเคอะ 徐克 [xúkè] เท่านั้น

เรื่องที่จะเล่าให้ฟังสั้นๆในเช้านี้ก็มีสองเรื่อง เรื่องเเรก คือ คำว่าโปเยโปโลเยมันมาได้ยังไง? เเม้เเต่คนฮ่องกง เจ้าของหนังต้นฉบับก็ยังงง เพราะต้นฉบับของภาพยนต์ไตรภาคนี้ ชื่อว่า 靓女幽魂 [jìngnǚ yōuhún] วิญญาณสาวสะคราญโฉม *靓女เเปลว่า สาวสวย/คนสวย ปรากฏว่าบังเอิญผมเก็บเเผ่นดีวีดีของเเท้ทั้งสามภาคไว้ เเละในภาคเเรกนั่นเอง มีฉากที่นักพรตเต๋า ร่ายคาถา ปัญญาปารมิตตาสูตร ซึ่งในต้นฉบับภาษากวางตุ้ง ออกเสียงประมาณ ปันหยี่นโปวลอกมัด…(ปาดเหงื่อ) เลยเข้าใจว่า คนเเปลฉบับภาษาไทยคงฟังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะเเปลยังไง (สมัยก่อนหนังบางเรื่อง มาเเต่ฟิล์ม ส่วนบทเอกสารมาไม่ทัน ก็ต้องเเปลโดยนั่งดูหนังไปเเปลไป อันนี้เข้าใจถึงความลำบากเลย) มันเลยเพี้ยนเป็น โปเยโปโลเยนั่นเอง

เรื่องที่สอง คือ ผลงานนิยายอวดผีฉบับราชวงศ์ชิงอันเลื่องลือนี้ก็เคยปรากฏในข้อสอบด้วยนะครับ เเละคนที่เรียนวรรณกรรมจีนก็อาจจะต้องอ่านผ่านๆ เรื่องนี้ชื่อว่า 聊斋志异(อ่าน เหลียวไจจื้ออี๋) ผู้ประพันธ์ชื่อผู่ซงหลิง蒲松龄 [púsōnglíng] ครับ มีทั้งหมด520ตอน เพราะฉะนั้นไม่ต้องเเปลกใจเลยว่าทำไมหนังจีน ซีรีโปเยฯกับผีกัดอย่ากัดตอบถึงได้ออกมาสิบกว่าเวอร์ชั่น ไม่เเพ้บ้านผีปอบบ้านเราเลย

สวัสดี (-/i\-)
ติดตามได้ใน…อ.อี้hsk&patจีน

อ่านเพิ่มเติม โปเย โปโลเย

เรียนภาษาจีนกับอาจารย์อี้ : ราชวงศ์商(ซาง)

อ.อี้ hsk & patจีน

ก่อนจะอัพตอนใหม่มาสรุปราชวงศ์ซางตอนต้นที่หนึ่ง

1.ซาง商ช่วงก่อนตั้งราชวงศ์先商时代 : มีชี่契เป็นต้นตระกูล ได้รับศักดินาดินาเพราะผลงานผันน้ำ ทำชลประทานร่วมกับ หยูวี่禹 ต่อมามีเซี่ยงถู่相土เป็นนักกระดิษฐ์คนสำคัญในยุคนั้น

2.ยุคต้นของราชวงศ์ซาง早商时代 พี่น้องหวังไห้ 王亥กับหวังเหิง王恒 ตั้งตนเป็นเจ้า ก็เริ่มกระด้างกระเดื่องต่อราชวงศ์เซี่ยา夏 จนกระทั่งในรุ่น商汤ก็ประกาศสงครามกับ夏桀 กลายเป็นสงครามโค่นล้มราชวงศ์ครั้งเเรกในประวัติศาสตร์ 鸣条之战(สงครามทุ่งหมิงเถียว)

**鸣条之战(สงครามทุ่งหมิงเถียว)จะถูกเชื่อมโยงกับสงครามทุ่งมู่เหย่牧野之战ในปลาย ราชวงศ์商 ซึ่งถูกราชวงศ์周โค่นล้ม สงครามทั้งสองครั้งถือเป็นต้นเเบบของสงครามปฏิวัติในประวัติศาสตร์จีนเเละ ประวัติศาสตร์โลกด้วยครับ
เกร็ดมังกร ต่อยอดShot Noteประวัติศาสตร์จีน ตอนที่2 ราชวงศ์商(ซาง) *ตัวช่วย:ตารางยุคสมัยฉบับย่อที่เคยโพ้สไว้
**บุคคลสำคัญ: 舜(shùn) 契(qì) 王亥(wáng hài) 王恒(wáng héng) 商汤(shāng tāng) 夏桀(xià jié) 商纣(shāng zhòu):

***คำสำคัญ 甲骨文(jiǎgǔwén) 陶文(táowén) 汤武革命(tāngwǔgémìng) 冶铁技术(yětiějìshù),製陶业(zhìtáoyè) 商业(shāngyè)

***ในบทความมีคำเเปลให้เเล้วเมื่อครั้งที่แล้ว ได้อธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญในยุคราชวงศ์夏xiàไปแล้ว ทุกคนคงจำกันได้…แต่ผมว่าหลายคนอาจจะจำไม่ได้ ฮ่าฮ่า ทบทวนทีหนึ่งนะครับ บทสรุป3บรรทัดที่ทิ้งท้ายไว้เมื่อครั้งที่แล้วมีดังนี้“เมื่อระบบสละ ตำแหน่ง禅让(shà ràng) ในยุคของเหยา尧(yáo)ซุ่น舜(shùn) หยูวี่禹(yǔ) ถูกแทนที่ด้วยระบบสืบสันตติวงศ์世袭(shì xí)ในยุคของฉี่启(qǐ) แผ่นดินของส่วนรวม公天下(gōng tiān xià)จึงกลายมาเป็นแผ่นดินของสกุลวงศ์家天下(jiā tiān xià) เมื่อวงศ์ที่ว่ากลายเป็นราชา จึงเกิดราชวงศ์王朝 และดินแดนที่ปกครองด้วยราชวงศ์จึงเรียกว่า国家”

ที่ต้องทบทวนทีหนึ่งเพราะว่า ตัวละครบางตัวเราต้องเอามาใช้ต่อในเรื่องราวของครั้งนี้ครับ สิ่งหนึ่งที่ต้องอธิบายคือ ความจริงราชวงศ์เซี่ยา 夏กับราชวงศ์ซาง商 มีช่วงระยะเวลาที่คาบเกี่ยวกันบางครั้ง ต้นตระกูลของราชวงศ์ซางถูกบันทึกไว้ด้วยอักษรที่จารึกไว้บนกระดูกสัตว์/ กระดองเต่า甲骨文(jiǎgǔwén) ค่อนข้างครบถ้วน เมื่อครั้งที่舜(shùn) แต่งตั้งให้ หยูวี่禹(yǔ)เป็นผู้นำต้านอุทกภัย จนเกิดเหตุการณ์ หยูวี่ผู้ผันน้ำ大禹治水 มีบุคคลที่ชื่อ ชี่ 契(qì) เป็นหนึ่งในผู้มีความสามารถที่เข้าร่วมเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยมีตำแหน่งที่ผู้ช่วยของหยูวี่禹(yǔ) ซึ่งชี่ 契(qì) คนนี้เอง คือต้นตระกูลของราชวงศ์ซาง 商 ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ชี่ 契(qì) มีผลงานโดดเด่น จึงได้รับดินแดนซาง商เป็นศักดินา
Continue reading