Category Archives: เรียนภาษาจีนกับอาจารย์อี้

เจาะลึกความหมายของ 正 ในภาษาจีน

อ.อี้ hsk & patจีน

正! เเปลว่า เป๊ะ ใช่เลย ได้ใจ สุดยอด เจ๋งเป้ง

  • 正 zhèng =เป๊ะ / ตรงเป๊ะ เช่นเวลาหนุ่มๆเห็นสาวเดินผ่านเเล้วอุทานว่า 正妹! [zhèng mèi] คนสวยเป๊ะเว่อร์
  • เวลาชิมอาหารเเล้วอุทานว่า 正味道![zhèng wèidào] รสชาติเป๊ะมาก!
  • เวลาอะไรสักอย่างถูกใจเรามากๆ เราก็ ยกนิ้วโป้งเเล้วอุทานว่า 正!
  • เวลาเราทดลองสินค้าหรือวัตถุดิบเเล้วพบว่าเป็นของมีคุณภาพเป๊ะ เราก็อุทานว่า 正品![zhèngpǐn] คุณภาพเป๊ะ!

อีกกรณีหนึ่ง คำว่า ได้เเรงอก เเปลว่า กระชุ่มกระชวย มันส์ สนุกได้ใจ ก็ได้ เเต่ถ้าเราจะใช้ในความหมายนี้ ภาษาจีนต้องใช้คำว่า

  • 有劲儿!/ 太有劲儿了!/ 真有劲儿!= มันส์มว้าก! สนุกโคตรๆ โคตรได้ใจ คล้ายกับคำว่า 真痛快!สะใจจริงๆ

ปล. คำว่าสนุกในภาษาจีนใช้ได้หลายคำหลายระดับ ดูตัวอย่างต่อไปนี้ครับ

  • 快乐 [kuàilè] สนุก(สุขสันต์หรรษา)
  • 愉快  [yúkuài] สบายใจ สบายอารมณ์
  • 痛快 [tòngkuài] สนุก สะใจ มันส์ **痛เเปลว่าเจ็บ สุขเเบบเจ็บๆ=สะใจ

แถมท้าย…

  • 整 [zhěng] ถ้าใช้เป็นคำกริยาเเปลว่า เล่นงาน/ป่วน/เเกล้ง เช่น 你要整我吗?[nǐ yào zhěng wǒ ma?] นี่เเกล้งกันใช่ไหมเนี่ย?
  • 劲儿 [jìng ér] เป็นรูปภาษาพูดของคำว่า 力气 (เรี่ยวเเรง) เเละมีความหมายที่สอง คือ ความกระปรี้กระเปร่า/ความมันส์
  • ฉะนั้น 有劲儿 = มีความมันส์ มีความกระปรี้กระเปร่า/ดูมีเรียวมีเเรง เช่น คนชราชมคนหนุ่มสาวว่า 年轻人干活真有劲儿 [niánqīng rén gàn huó zhēn yǒujìn er] คนหนุ่มสาวเวลาทำงานก็ดีกระปรี่กระเปร่าเสียจริง เเต่ถ้าใช้เป็นคำอุทานสั้นๆ ก็จะเข้ากรณีที่อธิบายไว้*
  • 有劲儿!/ 太有劲儿了!/ 真有劲儿!= มันส์มว้าก! สนุกโคตรๆ โคตรได้ใจ คล้ายกับคำว่า 真痛快!สะใจจริงๆ
  • 没劲儿 = ไม่มันส์เลย เซ็งเป็ด
  • เเต่ถ้า 没劲儿了= หมดเเรงเสียเเล้ว *ตรงนี้น่าสนใจ คือ เเค่เติม了เข้าไป ความหมายเปลี่ยนครับ
  • 使劲儿 / 使劲 = ออกเเรง เวลาช่วยกันยกของหนัก จังหวะยก เราเรียกพลังจากเพื่อนๆด้วยคำว่า “ออกเเรง 使劲儿” (เเต่ถ้าเป็นคนไทย จะเรียกพลังโดยการร้องว่า “ฮึบ!”

อรุณสวัสดิ์ (-/i\-) ไปนอนล่ะ…คิกๆ
ติดตามได้ใน…อ.อี้hsk&patจีน

เกร็ดมังกร ตอน 四大奇书 เเละ 四大名书 ต่างกันอย่างไร?

อ.อี้ hsk & patจีน

เกร็ดมังกร ตอน สี่วรรณกรรมพิสดาร四大奇书 [sìdàqíshū] เเละ สี่วรรณกรรมอมตะ四大名书 [sìdàmíngshū] ต่างกันอย่างไร?

เชื่อว่าหลายคนอาจเคยเจอในข้อสอบHSKหรือไม่ก็การสอบเเข่งขัน汉语桥 [hànyǔqiáo] หรือไม่ก็ เพชรยอดมงกุฎ ซึ่งปรากฏโจทย์ที่ถามถึง四大奇书(4วรรณกรรมพิสดาร) ทำให้เราถึงกับงง เพราะเคยเรียนเเต่ 四大名书4วรรณกรรมอมตะ อันได้เเก่ วรรณกรรมสามก๊ก三国演义 วีรบุรุษเขาเหลียงซาน(ซ้องกั๋ง)水浒传 ไซอิ๋ว西游记 เเละ ความรักในหอเเดง 红楼梦

วันนี้จึงมาเล่าให้ฟังสั้นๆว่า 四大奇书(4วรรณกรรมพิสดาร) คืออะไร คำตอบคือ 4วรรณกรรมพิสดารถูกบัญญัติขึ้นในสมัยปลายราชวงศ์หมิง明ครับ นั่นหมายความว่า เกิดขึ้นก่อน4สี่วรรณกรรมอมตะ เพราะ ความรักในหอเเดง 红楼梦 [hónglóumèng] เกิดขึ้นในราชวงศ์ชิง清

เมื่อตัดความรักในหอเเดง 红楼梦ออก 四大奇书(4วรรณกรรมพิสดาร) 3ใน4 ตรงกับ 四大名书4(วรรณกรรมอมตะ) ได้เเก่:

  • 1.วรรณกรรมสามก๊ก 三国演义 [sānguó yǎnyì]
  • 2.วีรบุรุษเขาเหลียงซาน(ซ้องกั๋ง) 水浒传 [shuǐhǔ zhuàn]
  • 3.ไซอิ๋ว 西游记 [xīyóujì]
  • ส่วนอันดับที่4 คือ บุปผาในกุณฑีทอง金瓶梅 [jīnpíngméi]

เหตุที่วรรณกรรมทั้ง4นี้ถูกยกย่องว่า พิสดารพันลึก เพราะเนื้อหาเกิดจากการจิตนาการอันบรรเจิด ไม่ไช่การเขียนบันทึกเล่าเรื่องเเบบจืดชืดน่าเบื่อ มีการสร้างตัวละครสมมติขึ้นพร้อมๆกับฉากหลังที่หยิบมาจากพงศาวดาร (พูดง่ายๆคือ เรื่องจริง30 เรื่องเเต่ง70) ซึ่งเป็นการปฏิวัติการเขียนประพันธ์ที่มีมาเเต่เดิม เเละท้าทายความรู้สึกของผู้อ่านอย่างมาก โดยเฉพาะท้าทายต่อชนชั้นศักดินาในสังคม เเละมีนัยยะเเฝงในเชิงปฏิรูปการเมือง เด็ดดอกไม้สะเทือนดวงดาวอย่างเเยบยล Continue reading

โปเยโปโลเย 聊斋志异

อ.อี้ hsk & patจีน

เกร็ดมังกร ตอน 聊斋志异 [liáozhāizhìyì] คนอวดผีฉบับราชวงศ์ชิง 清

ถ้าเป็นเเฟนๆหนังจีนยุค 90 คงไม่มีใครไม่รู้จัก ไตรภาคอวดผีที่มีชื่อไทยสุดกิ๊บเก๋ว่า “โปเย โปโลเย” เเละต้องรู้จักคู่พระนางคู่ขวัญ คือ เลสลี่ จาง/张国荣 [zhāngguóróng] เเละ หวังจู่เสียน 王祖贤 [wángzǔxián] อย่างเเน่นอน เเละผู้กำกับต้อง ฉีเคอะ 徐克 [xúkè] เท่านั้น

เรื่องที่จะเล่าให้ฟังสั้นๆในเช้านี้ก็มีสองเรื่อง เรื่องเเรก คือ คำว่าโปเยโปโลเยมันมาได้ยังไง? เเม้เเต่คนฮ่องกง เจ้าของหนังต้นฉบับก็ยังงง เพราะต้นฉบับของภาพยนต์ไตรภาคนี้ ชื่อว่า 靓女幽魂 [jìngnǚ yōuhún] วิญญาณสาวสะคราญโฉม *靓女เเปลว่า สาวสวย/คนสวย ปรากฏว่าบังเอิญผมเก็บเเผ่นดีวีดีของเเท้ทั้งสามภาคไว้ เเละในภาคเเรกนั่นเอง มีฉากที่นักพรตเต๋า ร่ายคาถา ปัญญาปารมิตตาสูตร ซึ่งในต้นฉบับภาษากวางตุ้ง ออกเสียงประมาณ ปันหยี่นโปวลอกมัด…(ปาดเหงื่อ) เลยเข้าใจว่า คนเเปลฉบับภาษาไทยคงฟังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะเเปลยังไง (สมัยก่อนหนังบางเรื่อง มาเเต่ฟิล์ม ส่วนบทเอกสารมาไม่ทัน ก็ต้องเเปลโดยนั่งดูหนังไปเเปลไป อันนี้เข้าใจถึงความลำบากเลย) มันเลยเพี้ยนเป็น โปเยโปโลเยนั่นเอง

เรื่องที่สอง คือ ผลงานนิยายอวดผีฉบับราชวงศ์ชิงอันเลื่องลือนี้ก็เคยปรากฏในข้อสอบด้วยนะครับ เเละคนที่เรียนวรรณกรรมจีนก็อาจจะต้องอ่านผ่านๆ เรื่องนี้ชื่อว่า 聊斋志异(อ่าน เหลียวไจจื้ออี๋) ผู้ประพันธ์ชื่อผู่ซงหลิง蒲松龄 [púsōnglíng] ครับ มีทั้งหมด520ตอน เพราะฉะนั้นไม่ต้องเเปลกใจเลยว่าทำไมหนังจีน ซีรีโปเยฯกับผีกัดอย่ากัดตอบถึงได้ออกมาสิบกว่าเวอร์ชั่น ไม่เเพ้บ้านผีปอบบ้านเราเลย

สวัสดี (-/i\-)
ติดตามได้ใน…อ.อี้hsk&patจีน

อ่านเพิ่มเติม โปเย โปโลเย

เรียนภาษาจีนกับอาจารย์อี้ : ราชวงศ์商(ซาง)

อ.อี้ hsk & patจีน

ก่อนจะอัพตอนใหม่มาสรุปราชวงศ์ซางตอนต้นที่หนึ่ง

1.ซาง商ช่วงก่อนตั้งราชวงศ์先商时代 : มีชี่契เป็นต้นตระกูล ได้รับศักดินาดินาเพราะผลงานผันน้ำ ทำชลประทานร่วมกับ หยูวี่禹 ต่อมามีเซี่ยงถู่相土เป็นนักกระดิษฐ์คนสำคัญในยุคนั้น

2.ยุคต้นของราชวงศ์ซาง早商时代 พี่น้องหวังไห้ 王亥กับหวังเหิง王恒 ตั้งตนเป็นเจ้า ก็เริ่มกระด้างกระเดื่องต่อราชวงศ์เซี่ยา夏 จนกระทั่งในรุ่น商汤ก็ประกาศสงครามกับ夏桀 กลายเป็นสงครามโค่นล้มราชวงศ์ครั้งเเรกในประวัติศาสตร์ 鸣条之战(สงครามทุ่งหมิงเถียว)

**鸣条之战(สงครามทุ่งหมิงเถียว)จะถูกเชื่อมโยงกับสงครามทุ่งมู่เหย่牧野之战ในปลาย ราชวงศ์商 ซึ่งถูกราชวงศ์周โค่นล้ม สงครามทั้งสองครั้งถือเป็นต้นเเบบของสงครามปฏิวัติในประวัติศาสตร์จีนเเละ ประวัติศาสตร์โลกด้วยครับ
เกร็ดมังกร ต่อยอดShot Noteประวัติศาสตร์จีน ตอนที่2 ราชวงศ์商(ซาง) *ตัวช่วย:ตารางยุคสมัยฉบับย่อที่เคยโพ้สไว้
**บุคคลสำคัญ: 舜(shùn) 契(qì) 王亥(wáng hài) 王恒(wáng héng) 商汤(shāng tāng) 夏桀(xià jié) 商纣(shāng zhòu):

***คำสำคัญ 甲骨文(jiǎgǔwén) 陶文(táowén) 汤武革命(tāngwǔgémìng) 冶铁技术(yětiějìshù),製陶业(zhìtáoyè) 商业(shāngyè)

***ในบทความมีคำเเปลให้เเล้วเมื่อครั้งที่แล้ว ได้อธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญในยุคราชวงศ์夏xiàไปแล้ว ทุกคนคงจำกันได้…แต่ผมว่าหลายคนอาจจะจำไม่ได้ ฮ่าฮ่า ทบทวนทีหนึ่งนะครับ บทสรุป3บรรทัดที่ทิ้งท้ายไว้เมื่อครั้งที่แล้วมีดังนี้“เมื่อระบบสละ ตำแหน่ง禅让(shà ràng) ในยุคของเหยา尧(yáo)ซุ่น舜(shùn) หยูวี่禹(yǔ) ถูกแทนที่ด้วยระบบสืบสันตติวงศ์世袭(shì xí)ในยุคของฉี่启(qǐ) แผ่นดินของส่วนรวม公天下(gōng tiān xià)จึงกลายมาเป็นแผ่นดินของสกุลวงศ์家天下(jiā tiān xià) เมื่อวงศ์ที่ว่ากลายเป็นราชา จึงเกิดราชวงศ์王朝 และดินแดนที่ปกครองด้วยราชวงศ์จึงเรียกว่า国家”

ที่ต้องทบทวนทีหนึ่งเพราะว่า ตัวละครบางตัวเราต้องเอามาใช้ต่อในเรื่องราวของครั้งนี้ครับ สิ่งหนึ่งที่ต้องอธิบายคือ ความจริงราชวงศ์เซี่ยา 夏กับราชวงศ์ซาง商 มีช่วงระยะเวลาที่คาบเกี่ยวกันบางครั้ง ต้นตระกูลของราชวงศ์ซางถูกบันทึกไว้ด้วยอักษรที่จารึกไว้บนกระดูกสัตว์/ กระดองเต่า甲骨文(jiǎgǔwén) ค่อนข้างครบถ้วน เมื่อครั้งที่舜(shùn) แต่งตั้งให้ หยูวี่禹(yǔ)เป็นผู้นำต้านอุทกภัย จนเกิดเหตุการณ์ หยูวี่ผู้ผันน้ำ大禹治水 มีบุคคลที่ชื่อ ชี่ 契(qì) เป็นหนึ่งในผู้มีความสามารถที่เข้าร่วมเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยมีตำแหน่งที่ผู้ช่วยของหยูวี่禹(yǔ) ซึ่งชี่ 契(qì) คนนี้เอง คือต้นตระกูลของราชวงศ์ซาง 商 ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ชี่ 契(qì) มีผลงานโดดเด่น จึงได้รับดินแดนซาง商เป็นศักดินา
Continue reading

เรียนภาษาจีนกับอาจารย์อี้ : จีบน้องPATกัน

อ.อี้ hsk & patจีน

จีบน้องPATกัน น้องPATซอย7.4 ถนนหน้า ม. เเจ่ม…มาก เอาล่ะ เรียนกันให้สนุก เล่นให้ได้ความรู้ เรียนเป็นเล่น เล่น…เป็นเรียนครับ

วันนี้เปิดตัว คอลัมป์จีบน้องเเพท มาเรื่องเบาๆ คำเเสลง คำว่า หลีหญิง! คำที่วัยรุ่นจีนนิยมใช้กันอยู่ตอนนี้ คือคำว่า 把妹 [bǎmèi] เดิมทีคำนี้มาจากภาษาในโลกออนไลน์ คำว่า PUA หรือ Pickup Artist (ประมาณว่าเกี้ยวพาราศีระดับเเจ่มศิลป์อ่ะจ้ะ)

ความจริงมีอีกหลายคำที่ใช้ได้ครับ เช่น สมัยก่อนนิยมใช้คำว่า 追女生 [zhuīnǚshēng] จีบสาว 泡妞 [pàoniū] ป้อหญิง ฯลฯ

สุดท้ายมา ดูวิธีหาเเฟนเเบบเชยสุดกันดีกว่าครับ 征婚 [zhēnghūn] ประกาศต้องการคู่สมรส จะลงหนังสือพิมพ์ ประเภทคอลัมมาลัยไทยรัฐหรือลุงหนวดก็ว่าไป หรือสมัครกับบริษัทจัดหาคู่ก็เเล้วเเต่ อันนี้เด็กๆสมัยนี้คงไม่ทำกันเเล้วมั้งครับ เเต่อย่าดูถูกไป บริษัทจัดหาคู่ เป็นธุรกิจระดับร้อยล้านนะครับ จะบอกให้

คำว่า 征婚 เคยออกข้อสอบEntในอดีตมาเเล้วนะครับ เเละมีคำศัพท์ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันดังต่อไปนี้

  • 婚姻 [hūnyīn] สมรส
  • 离婚 [líhūn] หย่าร้าง
  • 求婚 [qiúhūn] ขอเเต่งงาน
  • 结婚 [jiéhūn] เเต่งงาน(รูปภาษาพูดของคำว่า สมรส)
  • 离异 [líyì] แยกทางกัน(หมายถึง หย่าร้างนั่นเอง)

อยากพิชิตน้องPAT ต้องให้เวลากับน้องPATนะครับ เเล้วน้องPATจะให้คะเเนนนักเรียนทุกคนครับ ไปล่ะ

ติดตามได้ใน…อ.อี้hsk&patจีน

เรียนภาษาจีนกับอาจารย์อี้ : ตอนที่1 ประวัติศาสตร์จีน อะไรคือตัวชี้วัดราชวงศ์เเรก

อ.อี้ hsk & patจีน

เกร็ดมังกร ตอน ต่อยอดShot Noteประวัติศาสตร์จีน ตอนที่1

อะไรคือตัวชี้วัดว่าราชวงศ์เเรกคือ 夏xià

ตัวช่วยสำหรับบทความนี้ได้เเก่ :ตารางยุคสมัยฉบับย่อที่เคยโพสไว้ **บุคคลสำคัญ: : 尧(yáo)舜(shùn) 禹(yǔ) และ启(qǐ)
คำสำคัญ 天下(tiānxià) / 公天(gōng tiān xià) / 家天下(jiā tiān xià) / 禅让(shàn ràng) / 世袭(shì xí) / 王朝(wángcháo) / 国家(guójiā)

เชื่อว่านักศึกษาจำนวนมากมีอุปสรรคในการเรียนวิชาประวัติศาสตร์จีน บทความนี้จึงเขียนขึ้นเพื่อ นักศึกษาที่ประสบปัญหาการเรียนอยู่ โดยจะถยอยอัพเดท ต่อยอดShot Note12ราชวงศ์หลักที่เคยโพ้สไปครับ มาแบบสั้นๆพอดีคำ เอาแต่เหตุการณ์หลักที่ควรรู้ก่อน เพื่อเป็นขอนไม้ให้นักศึกษายึดเหนี่ยว ขณะที่กำลังลอยคอเท้งเต้งในทะเลอักษรอันไร้ทัศทาง ชักออกทะเลแล้ว พายกลับฝั่งเข้าเรื่องดีกว่า ส่วนผู้สนใจทั่วไปก็อ่านได้นะครับ เพราะคำสำคัญต่างๆผมแปลเป็นไทยให้แล้ว เอาเพื่อความเพลินเพลินได้ตามสบายครับ (ความยาวประมาณ 1 A4ครึ่ง)

ใครเป็นคนกำหนดว่าราชวงศ์แรกคือราชวงศ์夏?คำตอบคือ นักประวัติศาสตร์และโบราณคดี อันนี้ไม่ต้องสงสัยอยู่แล้ว แต่ต้องอธิบายว่า เอาอะไรมาวัด? แล้วสาระจริงๆของการเรียน ส่วนที่เป็นสามมหาบุรุษ尧(yáo)舜(shùn) 禹(yǔ) สำคัญยังไง แล้ว启(qǐ) คือใคร ทำไมต้องพูดถึงคนนี้ คำตอบอยู่ที่คำสำคัญ / key word ที่ให้ไว้ข้างบนครับ มาดูกัน

คำว่า天下(tiānxià) ใต้ฟ้า/ใต้หล้า *เป็นทัศนคติเรื่องแผ่นดินของคนจีนโบราณ ฟ้าสวรรค์เป็นเจ้าของแผ่นดิน มนุษย์เป็นเพียงผู้อาศัย ไม่มีใครเป็นเจ้าของได้ ฉะนั้นระบบแรงของชุมชนจีนโบราณคือระบบ公天下(gōng tiān xià)หรือแผ่นดินของส่วนรวม นั่นเอง เมื่อเป็นของส่วนรวม แม้แต่ผู้ที่ถูกยกย่องเป็นผู้นำก็ไม่อาจเป็นเจ้าของ เมื่อแก่ชราจึงเป็นธรรมเนียบต้องสละตำแหน่งให้แก่คนที่มีความสามารถและอายุ เหมาะสม ซึ่งระบบสละตำแหน่งใช้คำว่า 禅让(shàn ràng) สละปล่อยวาง การสืบทอดอำนาจในยุคแรกจึงไม่เกี่ยวกับทางสายเลือด แต่พิจารณาจาความสามารถและคุณธรรม ใครก็มีสิทธิ์เป็นผู้นำได้ ถ้าคนนั้นดีพอ แบบอย่างของการสละปล่อยวาง禅让(shàn ràng) คือราชาชื่อเหยา尧(yáo) เมื่อ尧(yáo)อยู่ในตำแหน่งราชาจนอายุ70กว่า ก็เริ่มออกเดินทางเฟ้นหาผู้นำคนใหม่ จนพบกับซุ่น舜(shùn) ผู้ได้ชื่อว่าลูกกตัญญูและคุณธรรมสูงส่ง จึงสละตำแหน่งให้ทันที ระบบ禅让(shàn ràng) นี้เป็นระบบที่ไม่ก่อเกิดราชวงศ์ เพราะไม่มีการสืบทอดอำนาจสันตติวงศ์ อำนาจพ่อมีโอกาสน้อยมากที่จะสืบทอดโดยตรงสู่ลูก เพราะ ทุกคนค่อนข้างมียางอาย กลัวจะไม่งาม เป็นที่ครหา

แต่ต่อมา คนเราเริ่มใจกล้า ถามว่าเหตุใดถึงใจกล้า เพราะเริ่มเอาชนะธรรมชาติได้นั่นเอง พี่อี้รับประกันได้ว่านักศึกษาทุกคนเคยเรียน大禹治水มหาบุรุษหหยูวี่ผู้ผันนำ แต่เรียนไปเรียนมาก็งงไปงงมาว่า ผันน้ำแล้วไง ยังไงต่อ ตรงนี้แหล่ะ เรื่องสำคัญ เมื่อ禹(yǔ)ผันน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมสำเร็จ ต่อมาไม่นาน舜(shùn) ประกาศสละปล่อยวาง มอบตำแหน่งให้หยูวี่禹(yǔ)

ซึ่งช่วงเวลานั้น การผันน้ำของหยูวี่禹(yǔ)เข้าสู่ยุคที่มนุษย์ท้าทายธรรมชาติอย่างเต็มตัว ความเชื่อเดิมๆถูกล้มล้าง ขุดภูเขา ผันทางน้ำ เริ่มสร้าง风水(ทำเลที่ทาง)ตามใจตัวเองมากขึ้น มหาบุรุษกลายเป็นผู้เสมอเทพ เป็นที่ยำเกรงของคนทุกเผ่า(เผ่านที่ไม่เจริญย่อมเสียเปรียบเพราะกลัวจึงไม่ กล้า เมื่อไม่กล้าจึงยอมจำนน หยูวี่ 禹(yǔ)เป็นผู้นำที่มากด้วยความรู้ความสามารถ แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้ นำเป็นสู่การครอบครอง เมื่อครอบครองมากเข้า ครั้นจะสละปล่อยว่างย่อมเป็นเรื่องยาก ครอบครัวของหยูวี่禹(yǔ)เติบโตขยายในฐานะผู้เสมอเทพ ทัศนคติในการมองโลกก็เปลี่ยนไป

เมื่อหยูวี่禹(yǔ)ถึงแก่กรรมในขณะที่ยังไม่ได้สละอำนาจชัดเจน ลูกชื่อฉี่启(qǐ)ก็เกิดความคิดลักลั่น ปฏิเสธการสละตำแหน่งโดยนำเรื่องผลงานและทรัพย์สินไปผูกกับตำแหน่ง เพื่อเป็นข้ออ้างว่าสละไม่ได้ (ความจริงจะสละตำแหน่งไป ก็ไม่มีใครมาแยกสมบัติ/ลบล้างเกียรติยศตระกูลหรอก) เมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้น จึงเกิดการแตกหัก เผ่าบางเผ่าไม่ยอม บานปลายกลายเป็นสงคราม ซึ่งฉี่启(qǐ)ชนะใสๆอยู่แล้ว เพราะอำนาจบารมีและกองทัพที่เลี้ยงไว้มีมากกว่าพวกเผ่าที่มัวแต่เป็นคนดี禅让 (shàn ràng)กันมาตลอด ในที่สุด ระบบแผ่นดินของส่วนรวม公天下(gōng tiān xià) ก็กลายเป็น แผ่นดินของตระกูลเดียว家天下(jiā tiān xià) คำว่าประเทศ ในภาษาจีนจึงประกอบด้วย2พยางค์ 国家 เกิดจากคำว่า อาณาเขต+คำว่า สกุลวงศ์ นั่นเอง เพราะการที่เป็นประเทศได้ ย่อมหมายถึงมีผู้นำไงล่ะครับ

ตั้งแต่启(qǐ)เป็นต้นไป ก็เกิดระบบ世袭(shì xí)หรือระบบสืบสันตติวงศ์ขึ้น เมื่อต้องสืบสันติวงศ์ ก็ต้องมีชื่อวงศ์ใช่ไหมล่ะครับ ดังนั้น ฉี启(qǐ)จึงนำชื่อเผ่าของตน นั่นคือเผ่า夏ซึ่งประกอบด้วย12สกุลแซ่ มาเป็นชื่อราชวงศ์ เขาไม่กล้าเอาแซ่สกุลตัวเองคนเดียวเป็นชื่อราชวงศ์เพราะเดี๋ยวจะโดนรุม ก็ต้องหาพวกไว้ก่อน เป็นรากฐานอำนาจ และการตั้งตนเป็นราชา วงศ์ของราชา ย่อมเป็น ราชวงศ์王朝ใช่ไหมล่ะครับ จึงกลายเป็นที่มาของราชาวงศ์แรกในประวัติศาสตร์จีน ราชวงศ์เซี่ยา夏朝 สรุปตัวชี้วัดว่านี่คือราชวงศ์แรกเพราะมันคือการสืบทอดอำนาจด้วยระบบสืบ สันตติวงศ์ครั้งแรกนั่นเอง

ผมค่อนข้างเน้นเรื่องราวของ启(qǐ) เพราะเป็นสาระที่แท้จริงของการก่อเกิดราชวงศ์ ส่วน尧(yáo)舜(shùn) 禹(yǔ) มันคือดราม่าที่เรียนสนุกและแฝงเรื่องราวของคุณธรรมมากกว่า ไม่ได้อธิบายถึงที่มาของราชวงศ์ ฉะนั้นถ้าจะทำความเข้าใจที่มาของราชวงศ์เเรกในประวัติศาสตร์ ย่อมขาด启(qǐ)ไม่ได้ครับ เพราะถ้าขาดไป นักศึกษาจะงงทันที ประมาณว่า เรียนไปตั้งสามคน เป็นเรื่องดราม่าหมดเลย แล้วไงต่อ??? เเล้วจะสรุปเรื่องอะไร?…งงค้างเลยสิครับ^^” จริงไหมล่ะ

สุดท้ายนี้ เรามาสรุปกันหน่อย ขอบสรุปเหตุการณ์ฉบับย่อทั้งหมดให้สั้นลงอีก เหลือแค่ 3 บรรทัดสั้นๆ คือ

“เมื่อระบบสละตำแหน่ง禅让(shà ràng) ในยุคของเหยา尧(yáo)ซุ่น舜(shùn) หยูวี่禹(yǔ) ถูกแทนที่ด้วยระบบสืบสันตติวงศ์世袭(shì xí)ในยุคของฉี่启(qǐ) แผ่นดินของส่วนรวม公天下(gōng tiān xià)จึงกลายมาเป็นแผ่นดินของสกุลวงศ์家天下(jiā tiān xià) เมื่อวงศ์ที่ว่ากลายเป็นราชา จึงเกิดราชวงศ์王朝 และดินแดนที่ปกครองด้วยราชวงศ์จึงเรียกว่า国家”

จบ… แล้วเจอกันใหม่ครับ

ปล.สำหรับนักศึกษาที่อ่านเพื่อการเรียน อ่านบทความให้ครบรอบหนึ่งแล้วค่อยเอา บทสรุป3บรรทัดไปท่องจะดีมากครับ เพราะถ้าท่องแต่ บทสรุป ไม่ได้ช่วยในการเชื่อมโยงและบูรณาการความรู้ครับ ฝากไว้

ติดตามได้ใน…อ.อี้hsk&patจีน

เรียนภาษาจีนกับอาจารย์อี้ : 12 ราชวงศ์หลักในประวัติศาสตร์จีน

อ.อี้ hsk & patจีน

12ราชวงศ์หลักในประวัติศาสตร์จีน

ขอมา-จัดไป!! ค่ำคืนนี้ พี่อี้มาพร้อมเรื่องย่อ 12ราชวงศ์หลักในประวัติศาสตร์จีน พร้อมตารางเเนบท้ายสำหรับทำความเข้าใจ **Short Note สำหรับนักศึกษาเอก-จีนกลางโดยเฉพาะจ้ะ นักเรียนระดับผู้เริ่มต้นข้ามไปก่อนครับ^^
สำหรับนักศึกษาที่กำลังจะมึนตึบกับการเรียนวิชาประวัติศาสตร์จีนในเทอมต่อไป ช่วงปิดเทอมนี้มีเวลาก็ลองอ่านทำความเข้าใจนะครับ การเรียนประวัติศาสตร์ สิ่งสำคัญประการเเรกคือ เข้าใจโครง ก่อน เพราะทุกเรื่องเล่าย่อมมีโครงเรื่อง ทุกอารยธรรมย่อมมีโครงสร้าง เริ่มจากไหน นำพาไปที่ไหน เเละจบที่ไหน สำคัญมากครับ

夏商周 秦汉晋 隋唐宋 元明清 [xiàshāngzhōu qínhànjìn suítángsòng yuánmíngqīng] คือโครงของประวัติศาสตร์ที่เรียงตามลำดับ เเละเเบ่งช่วงเพื่อการศึกษา ที่พี่อี้ถูกบังคับให้เรียนตั้งเเต่เด็ก เด็กจีนทุกคนจะถูกบังคับให้ท่องโครงสร้างนี้ให้ขึ้นใจ เพื่อต่อยอดสู่การเรียนในระดับมัธยมในภายภาคหน้า ตอนประถมก็ไม่เข้าใจว่าท่องไปทำไม เเต่เมื่อเข้าสู่มัธยมก็เข้าใจทันที เพราะมันคือประวัติศาสตร์ฉบับย่อที่สั้นเเต่ครบความสำหรับนักเรียนจริงๆ

  • ช่วงที่1 夏(xià) 商(shāng) 周(zhōu)

เหตุการสำคัญ: 夏(xià) 商(shāng)เป็นช่วงยุคเเห่งการการสู้รบเพื่อสร้างชาติผนึกเเว่นเเคว้น 500เเคว้น เป็นยุคเริ่มต้นที่พงศาวดารปะปนกับเทพปกรณัม, ต่อมาผนึกเหลือประมาณ50เเคว้น(西周), ก่อนจะเหลือเพียง16เเคว้นในยุค春秋 เป็นยุคปรัชญาเมธีที่รบด้วยความคิดเเละปรัญญา ยุค战国เหลือเพียง7เเคว้นรบด้วยกำลังเเละศาสตราวุธ(东周) เหตุเพราะเหล่าขุนศึกเริ่มหมั่นไส้นักปราชญ์เเละนักคิดที่ดีเเต่ปาก^^” , สุดท้ายเสร็จ秦 เข้าสู่ยุคฮ่องเต้ครองเเผ่นดิน

  • ช่วงที่2 秦(qín) 汉(hàn) 晋(jìn)

ยุคเเห่งการขยายอณาจักร์ สร้างกำเเพงเมืองจีน 秦长城 สร้างเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จ จนขยายไปสู่ 汉长城 , ต้น汉 项羽บุรุษอหังการ์ชิงเเผ่นดินกับ刘邦ผู้ผันตัวเองจากกุ๊ยสู่ฮ่องเต้ 刘邦ชนะด้วยอุบายเเละการซื้อใจคน สถาปนาราชวงศ์ 汉,ปลายฮั่นขันทีเรืองอำนาจ ประเทศล้มละลาย เหล่าขุนศึกเเบ่งฝ่าย เข้าสู่ยุคสามก๊ก三国

  • ช่วงที่3 隋(suí) 唐(táng) 宋(sòng)

ยุคเเห่งความรุ่งโรจน์ทางวัตถุ ศิลปะ เเละศาสนาพุทธ , 隋(suí)ขุดคลอง大运河ใช้เงินเเละทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองจนถูกปฏิวัติชาวนาโค่นล้ม เเต่大运河ที่ขุดไว้ส่งคุณูปการใหญ่หลวงจนถึงปัจจุบัน,唐คือยุครุ่งเรืองเเห่ง การค้า การทูต เส้นทางสายไหม สถาปัตยกรรม เเละ เเฟชั่น เเม้ไม่มีศึกนอก เเต่ศึกภายในรบพุ่งรุนเเรง เกือบสิ้นราชวงศ์เพราะหญิงเหล็กมากด้วยปัญญานาม武则天(wǔzétiān),ปลาย唐ถึง宋 ศิลปะพัฒนาสู่จุดสูงสุด กวีเอกเเละศิลปินช่างฝีมือโดดเด่นกว่าทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา เเต่เมื่อรู้มาก รวยมาก ก็เริ่มอาร์ตมาก อาร์ตจนได้เรื่อง(จากตารางข้างบนจะเห็นได้ว่ายุค宋คือยุคที่โดนคนนอกด่าน รุมกินโต๊ะจนเเทบไม่เหลือศักดิ์ศรีเจ้าอาณาจักร ประเทศอ่อนเเอ คนดีเเต่ปากสุดท้ายเสร็จ忽必烈汗(hūbìlièhàn)กุบไลข่าน หลานเจงกิสข่าน成吉思汗(chéngjísīhán) มหาบุรุษจากทุ่งหญ้ามองโกลชาวฮั่นเสียสิทธิ์การปกครองเเผ่นดินให้เเก่ชาวมองโกล

  • ช่วงที่4 元(yuán) 明(míng) 清(qīng)

ช่วงยุคสมัยที่ถูกชาวนอกด่านปกครองถึง2ราชวงศ์,元(yuán)คือ มองโกลเลีย ส่วน清(qīng)คือ เเมนจูเลีย ระหว่างกลางคั่นด้วย 明(míng) ยุคที่อำนาจการทหารเเละโครงสร้างทางการเมืองเเข็งเเกร่งที่สุด (คงเพราะต้องต่อกรกับชาวนอกด่านตลอด) ด้านวรรณกรรม เริ่มเปลี่ยนจากยุคกวี สู่ยุคเเห่งนิยาย วรรณกรรมเอกทั้งสี่เกิดขึ้นในยุคนี้

  • 三国演义(明)วรรณกรรมว่าด้วยปรัชญาอำนาจเเละการเมือง
  • 水浒传(ปลาย元ต้น明)วรรณกรรมว่าด้วยการล้มโต๊ะปฏิวัติ
  • 西游记(明)วรรณกรรมว่าด้วยอภินิหารปั้นน้ำเป็นตัวบรรเจิดสุดๆ
  • 红楼梦(清) วรรณกรรมว่าด้วยอิสรภาพทางความรัก อินดี้สุดๆ

ติดตามได้ใน…อ.อี้hsk&patจีน

ศัพท์วัยรุ่นภาษาจีน : ตอน บ่องตงเลย

อ.อี้ hsk & patจีน

ภาษาจีนคำละวัน ตอน บ่องตงเลย คนจีนก็เป็นกับเค้าด้วย
ก็คงจะปวดเศียรเวียนเกล้าไปแล้วสำหรับชาวเน็ตทีเพิ่งจะโดนวัฒนธรรมบ่องตง เล่นงานเข้าให้ บางคนก็บอกว่าฮาดีน่ารักดี แต่บางคนก็รำคาญจนถึงขั้นรับไม่ได้เลยทีเดียว ถึงขนาดก่อดราม่าว่าด้วยความหายนะของภาษา เรื่องแบบนี้ก็นานาทัศนะครับ สำหรับตัวผมแล้ว การจะมาทะเลาะกันเรื่องแบบนี้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไร แต่ถ้าถกกันอย่างมีข้อมูลและนำข้อมูลมาแบ่งปันกัน ก็ว่าไปอย่าง และน่าสนใจดีด้วย วันนี้มาดูคำแผลงๆในภาษาจีนบ้างดีกว่า ในภาษาจีนก็มีคำเหล่านี้อยู่เหมือนกัน และเกิดจากวัฒนธรรมออนไลน์เช่นเดียวกันครับ ลองดูคำเหล่านี้:

  • 细不细啊 (xìbúxìā) / 四不四啊 (sìbùsìā)(ชิมิ) เพี้ยนมาจากคำว่า 是不是(ใช่หรือไม่)
  • 啥米(shámǐ) / 啥摸(shámō)?(อาราย/ไรแว้) เพี้ยนมาจากคำว่า 什么?
  • 为啥(ทมายย? ไมอ่ะ?) เพี้ยนมาจาก 为什么(ทำไม)

为啥(ทมายย? ไมอ่ะ?) เพี้ยนมาจาก 为什么(ทำไม) *คำนี้มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว เกิดจากคนบ้านนอก/ชาวเขาบางถิ่นที่พูดภาษากลางไม่ชัด ในยุคแรกๆนั้นคำนี้ถือเป็นแสลง และนำมาพูดล้อเลียนกัน แต่ในปัจจุบัน คำว่า 啥 ถือเป็นคำมาตรฐานไปแล้ว สามารถใช้ในภาษาพูดได้ ไม่ถือว่าวิบัติ จะเห็นได้ว่า คำแสลงมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย และสามารถกลายเป็นคำมาตรฐานได้ ถ้าได้รับการยอมรับ(แต่ไม่ได้หมายความว่าคำแสลงทุกคำจะได้รับการอนุโลมนะ ครับ บางคำเมื่อล้าสมัยไป ก็ถูกลืมเลือนก็มี และมีบางคำที่วิบัติจนไม่สามารถเอามารวบรวมในหมวดคำมาตรฐานก็มีครับ)

  • 酱紫(jiàngzǐ)(งี้) เพี้ยนมาจาก 这样子(ถ้าเป็นแบบนี้…)
  • 酿紫(niàngzǐ)(งั้น) เพี้ยนมาจาก 那样子(ถ้าเช่นนั้น…/ถ้าเป็นแบบนั้น…)

*อย่างคำว่า งั้น ในภาษาไทย อดีตก็ถือเป็นคำวิบัติ แต่ปัจจุบัน เริ่มมองว่าเป็นคำแสลง (ไม่ถึงกับวิบัติ) และถูกบันทึกลงไปในพจนานุกรมฉบับราชฯ แต่ในภาษาจีน คำว่า “งี้酱紫” กับ “งั้น酿紫” เพิ่งจะโผล่มาเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง

  • 表(biǎo)(อย่า…ดิ/อย่า…จิ) เพี้ยนมาจาก 不要 เช่น 你表酱紫(nǐbiǎojiàngzǐ)ตัวเองอย่างี้ดิ(เธออย่าทำแบบนี้สิ)
  • 真哒(zhēndā)(อะจริง? จิงดิ? จิงหงอ? หรา?) เพี้ยนมาจาก 真的吗?(จริงหรือเนี่ย?)
  • 口以吗(kǒuyǐma)?(จะดีหยอ? ไหวหรอ? ได้หรอ?) เพี้ยนมาจาก 可以吗?(ได้หรือ? ไหวหรือเปล่า?)
  • 偶(ǒu)(เค้า/ชั้น/เดี๊ยน) เพี้ยนมาจาก我(ฉัน)

เอาละ เรามาลองแต่ประโยคกันนะครับ

  • 偶酱紫猴口爱四不四(ǒujiàngzǐhóukǒuàisìbùsì)?侬表骗偶(nóngbiǎopiànǒu)!
    (我这样子很可爱是不是?你不要骗我!)
    เค้าแต่งตัวงี้น่าร้อกชิม๊า? ตะเองอย่าหลอกเค้าน้ะ!
    (ฉันแต่งตัวแบบนี้น่ารักใช่ไหม เธออย่างหลอกฉันนะ) (^__^ 0)

เด๋วต้องคอยดูต่อไปว่า ภาษาจีนจะมีคำว่า “บ่องตง” หรือ “พ่อง” ตามมาด้วยรึโป่ว…คริๆ หุหุ ฮิฮิ อุอุ อิอิ..คุริคุริ…พอเถอะ

เครดิต : อ.อี้hsk&patจีน

ศัพท์วัยรุ่นภาษาจีน : คำว่า แอ๊บแบ๊ว โมะเอะ คาวาอิ ในภาษาจีน

อ.อี้ hsk & patจีน

คำว่า แอ๊บแบ๊ว โมะเอะ คาวาอิ ในภาษาจีน

ก่อนอื่นต้องแยกแยะ3คำนี้ให้เป็นก่อนครับ โดยเฉพาะคำว่า แอ๊บแบ๊ว กับ โมะเอะ เป็นคู่ที่มักสร้างความสับสนว่าตกลงความหมายเหมือนกันหรือต่างกัน เรามาศึกษาพร้อมๆกับคำศัพท์ภาษาจีนเลยครับ

  • 装嫩 (zhuāngnèn) / 扮嫩(bannèn) / 装可爱(zhuāngkěài) = แอ๊บแบ๊ว
    หมายถึงแสร้งทำเป็นเด็กสาววัยขบเผาะ(ไม่ขบเผาะจริงนั่นเอง) เป็นการแอ๊บ ไม่ได้วัยละอ่อนจริงๆ คำนี้หมายถึง กิริยาท่าทางแอ๊บแบ๊ว แก้มป่อง แลบลิ้น ปลิ้นตา ชูสองนิ้ว กำปั้นแมว(วางไว้ตรงแก้ม) ทำตาปริบๆ ถ่างตา ยัดบิ๊กอายส์ เป็นต้น
  • 卖萌 (màiméng) = โมะเอะ *หมายถึง แบ๊วยั่วสวาท -___-“ มันเป็นยังไงหว่า ต้องอธิบายครับ คำว่า โมะเอะ หมายถึง สไตล์การ์ตูนน่ารักกุ๊กกิ๊กแบบที่เร้าอารมณ์เหล่าโอตากุ และ โลลิคอนนั่นเอง คือ แค่น่ารักโดราเอม่อน ซารีโอ้ เคโระ โตโตโร่ นี่ไม่นับนะครับ ต้องเป็นตัวการ์ตูนสาวน้อยที่แบ๊วได้ใจระดับขวัญใจโอตากุ เห็นแล้วอยากปกป้องหรือขั้นหลงรักถอนตัวไม่ขึ้น ประมาณนั้น ฉะนั้น บางครั้งอย่าทะเล่อทะล่าใช้คำนี้ไปชมสาวๆนะครับ เพราะสาวบางคนเขาไม่ปลื้มกับคำนี้นักหรอก ถ้าบอกว่า เธอแอ๊บแบ๊วแล้วน่ารักดี ก็ยังโอเค แต่ถ้าไปบอกว่า เธอดูโมะเอะมักๆเบย ละก็ อาจจะโดนตรีนได้ง่ายๆนะครับ เพราะชีจะเข้าใจผิดว่านายเป็นพวกโรคจิต ติดตามการ์ตูนสาวขบเผาะยั่วสวาทนะเอย แต่ถ้านายเป็นโอตากุจริง และมีความสุขกับไลฟ์สไตล์แบบนี้จริง ก็โอเค ชีวิตนาย ใช้ซะ!(สปอนเซอร์ช้างลอยมา)
  • 3.卡娃伊 (kǎwáyī) = คาวาอิ แปลเป็นไทยก็คือคำว่า น่ารักนั่นแหล่ะ ภาษาจีนคือ 可爱 คำนี้หมายถึง สไตล์น่ารักแบบมาตรฐานครับ อย่าง โดราเอม่อน ซาริโอ้ เคโระ กิโกะจังนี่โอเคครับ หรือถ้าใช้ชมเด็กผู้หญิง ก็หมายถึงเด็กผู้หญิงที่น่ารักแบบเด็กจริงๆ ไม่ได้แอ๊บ เอามาชมน้องหมา น้องแมวก็ได้ครับ คำนี้เป็นคำกลางๆ ไม่ได้ล่อแหลมแบบคำว่าโมะเอะครับ

ประมาณนี้ สวัสดี ( – /i\ – )

เครดิต : อ.อี้hsk&patจีน